ประธานยูกิ คูซูมิ กล่าวในการบรรยายสรุปด้านการจัดการออนไลน์ว่าธุรกิจที่มีประสิทธิภาพต่ำ 4 ธุรกิจ ได้แก่ ทีวี เครื่องใช้ในครัว อุปกรณ์อุตสาหกรรม และเมคคาทรอนิกส์ กำลังเผชิญกับความสามารถในการทำกำไรต่ำและแนวโน้มการเติบโตที่ไม่ชัดเจน
โดยกล่าวว่าบริษัทจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดภายในสิ้นปีงบประมาณ 2026 รวมถึงการถอนตัวออกจากธุรกิจหรือตลาดบางแห่ง ยุติผลิตภัณฑ์ และโอนการดำเนินงานไปยังเจ้าของที่เหมาะสมมากขึ้น
Panasonic Holdings ยังได้ประกาศว่าจะสนับสนุนให้พนักงานเกษียณอายุก่อนกำหนดภายในปีงบประมาณ 2025 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
การคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2025 คาดว่าจะมียอดขาย 8.3 ล้านล้านเยน หรือ 1.83 ล้านล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 จากปีงบประมาณก่อนหน้า
กำไรจากการดำเนินงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เป็น 380,000 ล้านเยน หรือ 83,600 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะลดลงร้อยละ 30 เป็น 310,000 ล้านเยน หรือ 68,200 ล้านบาท
คูซูมิกล่าวในการบรรยายสรุปออนไลน์ด้วยว่าการลงทุนในด้านสำคัญ ๆ เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ ยังไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่เพียงพอ และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิรูปโครงสร้าง
ส่วนของธุรกิจโทรทัศน์ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีบริษัทใดแสดงความสนใจที่จะซื้อ แต่ Panasonic Holdings กำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ อยู่ โดยวางแผนที่จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจโซลูชัน ซึ่งรวมถึงภาคส่วนที่มีการแข่งขัน เช่น ระบบความบันเทิงและการสื่อสารบนเครื่องบิน การจัดเก็บพลังงาน และบริการไอทีระดับองค์กร
สรุปข่าว
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะปรับปรุงการดำเนินงานของสำนักงานใหญ่และออฟฟิศซัพพอร์ตหลังบ้าน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอย่างน้อย 150,000 ล้านเยนภายในปีงบประมาณ 2026
Panasonic Holdings ยังกล่าวอีกว่ามีแผนจะยุบบริษัท Panasonic Corp. ซึ่งจัดการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องปรับอากาศ และแสงสว่าง ภายในปีงบประมาณ 2025
โดยจะแบ่งบริษัท Panasonic Corp. ใหม่เป็น 3 บริษัทแยกกัน รวมไปถึงบริษัทหนึ่งที่ชื่อ Smart Life ซึ่งจะเน้นไปที่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ส่วนชื่อ Panasonic จะยังคงอยู่กับบริษัทใหม่ทั้ง 3 นี้หรือไม่ ประเด็นนี้ก็ยังคงอยู่ในระหว่างการหารือกันอยู่
ซึ่งสถานะที่ลดลงของ Panasonic ในภาคส่วนนี้ยังเห็นได้ชัดจากข้อมูลส่วนแบ่งการตลาด จากข้อมูลของ BCN Research พานาโซนิคครองอันดับที่ 2 ในยอดขายทีวีจอแบนของญี่ปุ่นในปี 2018 ด้วยส่วนแบ่งร้อยละ 16.8 แต่ในปี 2024 ตัวเลขดังกล่าวลดลงเกือบครึ่งหนึ่งเหลือร้อยละ 8.8 อยู่ในอันดับที่ 6
ขณะนี้ตลาดญี่ปุ่นถูกครอบงำโดยบริษัทต่างชาติ โดย Tvs Regza Corp. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Hisense Group Co. ของจีน เป็นผู้นำที่ร้อยละ 25.4
ตามมาด้วย Sharp Corp. ซึ่งเป็นเจ้าของโดย Hon Hai Precision Industry Co. ของไต้หวัน ที่ร้อยละ 20.6 และแบรนด์ Hisense เองที่ร้อยละ 15.7
เออิจิ โมริ นักวิเคราะห์ของ BCN Research กล่าวว่า ด้วยราคาที่สูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคจึงหันไปเลือกใช้ทีวีที่มีราคาไม่แพงมากขึ้น ช่วยให้ผู้ผลิตในต่างประเทศสามารถตั้งหลักในตลาดได้แข็งแกร่งขึ้น
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของญี่ปุ่นได้ถอนตัวออกจากธุรกิจทีวีอย่างต่อเนื่อง ในปี 2018 Toshiba Corp. ขายธุรกิจทีวีให้กับ Hisense ในปีเดียวกันนั้น บริษัท Hitachi Limited ก็ออกจากตลาดทีวีในประเทศด้วย
ในปี 2021 Mitsubishi Electric Corp. ยุติการจัดส่งไปยังผู้ค้าปลีกรายใหญ่ และถอนตัวออกจากตลาด ณ ขณะนี้ จึงมีเพียง 3 บริษัท ได้แก่ Panasonic, Sharp และ Sony Group Corp. เท่านั้นที่ยังคงผลิตและจำหน่ายทีวีของตนเองต่อไป
Passavee Thi
(passavee_thi)