BBL ทำกำไรปี 67 ที่ 45,211 โต 8.6% หลังสินเชื่อขยายตัว คุม NPL เยี่ยม ตั้งสำรองแกร่ง

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานกำไรสุทธิสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 45,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากปี 2566 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2.3% จากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อ และอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ กับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3.06%

สำหรับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไร หรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน ซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากธุรกิจบัตรเครดิต และบริการประกัน ผ่านธนาคาร รวมถึงบริการกองทุนรวมที่ยังคงเติบโตดี

BBL ทำกำไรปี 67 ที่ 45,211 โต 8.6% หลังสินเชื่อขยายตัว คุม NPL เยี่ยม ตั้งสำรองแกร่ง

สรุปข่าว

BBL ยังคงมีความสามารถในการทำกำไรเติบโตในระดับที่สูง โดยสินเชื่อขยายตัว และมีคุณภาพ ส่งผลให้ตัวเลข NPL ในภาพรวมอยู่ในระดับที่ต่ำ มีสัดส่วนการตั้งสำรองที่แข็งแกร่ง ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต ประกัน กองทุนรวมเติบโตได้ดี

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนา และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลง 48%

ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 4 ปี 2567 ธนาคารจึงตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงจากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับปี 2567 มีจำนวน 34,838 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,693,301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% จากปีก่อน จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อ ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.7% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 334.3% เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวัง และรอบคอบอย่างต่อเนื่อง

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 จำนวน 3,169,654 ล้านบาท ลดลง 0.5% จากปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 85% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยง ของธนาคาร และบริษัทย่อยอยู่ที่ 20.4%, 17% และ 16.2% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด