

สรุปข่าว
วันนี้ (13ก.พ.63) ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ที่มีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง ในขณะที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดที่มีต่อคณะกรรมาธิการทางการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร เป็นไปในทางบวก โดยเฉพาะการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจในต่างประเทศเริ่มมีเสถียรภาพดีขึ้น ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มผ่อนคลายลง สิ่งที่ต้องจับตาคือการประชุมนัดพิเศษของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันศุกร์และวันเสาร์นี้
คาดว่าจะมีการปรับลดการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 0.99 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.22 ล้านบาร์เรล/วัน หรือปรับลดราว 2.3 แสนบาร์เรล/วัน หลัก ๆ เป็นการปรับลดในส่วนของอุปสงค์น้ำมันของจีนลง 2 แสนบาร์เรล/วัน จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ หากการปรับกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีกราว 3-4 แสนบาร์เรล/วัน บนสมมติฐานที่กลุ่มโอเปกจะเป็นฝ่ายปรับลดกำลังการผลิตในกลุ่มเป็นส่วนใหญ่ และรัสเซียอาจจะปรับลดลงเล็กน้อย ซึ่งน่าจะหนุนกลุ่มพลังงานต่อ โดยทาง บล. ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กลุ่มพลังงานจะนำตลาดหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแรง +2.5%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี มองว่านักลงทุนจะยังคงชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประกาศงบ 2562 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกอบกับความกังวลเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่ยังคงชะลอตัวจะเป็นแรงกดดันให้ทิศทางดัชนีมีความผันผวนในระยะนี้ ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกลงทุนรายตัว ในกลุ่มรับเหมา ได้แก่ STEC CK และ SEAFCO และกลุ่มนิคม ได้แก่ AMATA และ WHA โดยแนะนำเก็งข่าวการโหวต พ.ร.บ.งบปี 2563 วาระ 2 และ 3 รอบใหม่ ขณะที่กลุ่มพลังงาน ได้แก่ TOP PTTGC และ SPRC อานิสงส์ค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก นอกจากนี้ แนะนำกลุ่มไฟแนนซ์ ได้แก่ MTC SAWAD และ KTC ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ย 0.25% รวมถึงกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE HANA และ DELTA และกลุ่มส่งออกอาหาร ได้แก่ CPF และ TU ได้อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า
ส่วน บล.ฟิลลิป มองว่าการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบโลกก่อนการประชุม OPEC+ 14 ก.พ. นี้ ที่คาดการณ์กันว่าจะมีแผนลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนบาร์เรลต่อวัน จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานต่อได้บางส่วน เช่น PTTEP พร้อมแนะนำหุ้นที่คาดผลประกอบการดี: BTS, CHG, CPF, PLANB หุ้นรับ พ.ร.บ.งบประมาณฯ 63 : CK, STEC, UNIQ, AMATA, WHA, SEAFCO และหุ้นปันผลเด่น: KKP, INTUCH, AP, TVO, TISCO) เป็นต้น
บล.โนมูระ พัฒนสิน แนะนำยุทธ์การลงทุนท่ามกลางความเสี่ยงของการแพร่ระบาดไวรัสที่ผ่อนคลายลง และงบประมาณภาครัฐฯ ที่ไม่น่าจะล่าช้ากว่าเดือนนี้มากนักจะหนุนการฟื้นตัวของ SET แบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมแนะนำกลุ่ม Cyclical Play (TOP, PTT PTTGC, SCC, CPF, TVO) กลุ่ม Value Play (BBL, KBANK, KKP) ผสานกลุ่มอิงการลงทุน CK, AMATA, WHA, PYLON เด่น
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -