

สรุปข่าว
วันนี้ (24 ธ.ค.62) นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2563 ว่า แม้ว่า ธปท.ได้คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปีหน้า ว่าจะขยายตัว 2.8% สูงกว่าปีนี้ที่คาดว่าขยายตัว 2.5% แต่ยอมรับว่า เป็นการประมาณการที่มีโอกาสเบ้ต่ำ หรือมีโอกาสที่การขยายตัวจริง จะต่ำกว่าประมาณการ
สำหรับเหตุผลที่มองว่า เศรษฐกิจปี 2563 จะดีกว่าปีนี้มาจาก 1.งบประมาณและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ เริ่มมีผลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 2.นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายขึ้น 3.ปริมาณการค้าโลกที่แย่ลงมาในปีนี้ จากสงครามการค้า และการส่งออกซึ่งปีนี้คาดว่าติดลบ 3-4% ทำให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการปรับตัว โดยมีหลายๆ ธุรกิจต่างประเทศ ที่ตัดสินใจย้ายฐานการลงทุนมายังประเทศไทย ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ 2.8% อยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ เพราะต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตที่แท้จริง ที่อยู่ในระดับ 3.5-4% และเราต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้เกิดการขยายตัวมากกว่านี้ หากมีการดำเนินการที่เหมาะสม จะโตเต็มศักยภาพเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ที่ต้องติดตามเร่งแก้ไขในปีหน้า คือ ด้านแรงงาน ที่ผลกระทบจากการส่งออก และธุรกิจขนาดกลาง ที่ไม่สามารถแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ได้ ขณะนี้เริ่มเห็นการเลิกจ้าง การลดการจ้างจากรายเดือนเป็นรายวัน การขอลดเวลาทำงานตามกฎหมายแรงงาน เพื่อจ่ายเงินเดือน 75% ในหลายธุรกิจและหลายโรงงานมากขึ้น หากปีหน้าสามารถแก้ปัญหาภาคการผลิต ลดต้นทุนช่วยให้ภาคการผลิตอยู่ได้ ก็จะบรรเทาผลกระทบส่วนนี้ได้
ทั้งนี้ ความเสี่ยงอื่นๆที่ต้องติดตาม คือ 1.ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ 2.ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ฯลฯ 3.ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
ที่สำคัญนโยบายการเงินที่ ในปีหน้า ก็จะดูแลประชาชนไม่ให้เป็นหนี้เสีย หรือช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้หนี้เสียกลายเป็นหนี้ดี โดยได้หารือกับธนาคารพาณิชย์แล้วว่าจะใช้นโยบายปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุก เพราะเห็นว่า มีทั้งเอสเอ็มอี หนี้ส่วนบุคคล หนี้บัตรเครดิต ที่แม้ยังส่งหนี้ได้แต่เริ่มจะส่งไม่ไหว ล่าช้าผิดนัดชำระหนี้บ้างแล้ว ธนาคารพาณิชย์ควรเข้าไปช่วยเหลือไม่ให้เป็นหนี้เสีย
ในปีหน้าและอีก 3 ปีข้างหน้า ผู้ว่าแบงก์ชาติ ฝากไว้ 3 เรื่อง คือ 1.คนไทยและธุรกิจไทย ควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ด้านการเงิน ทั้งของธุรกิจและประชาชน ในภาวะที่หนี้เพิ่มและสภาพคล่องลด 2.เตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยเฉพาะธุรกิจที่ยังต้องขึ้นกับอากาศ เช่น ภาคการเกษตร จะทำให้อย่างไรให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นภายใต้อากาศที่ผันผวนมากขึ้น 3.การปรับตัว ปรับธุรกิจไปกับเทคโนโลยี ถ้าใช้เป็นเทคโนโลยีจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไรให้กับภาคธุรกิจได้
เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -