
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานเผยแพร่ยุทธศาสตร์และนโยบายส่งเสริมการลงทุน ในหัวข้อ “Ignite Thailand : Invest in Endless Opportunities โอกาสการลงทุนไร้ขีดจำกัดในประเทศไทย” ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยมี ผู้ประกอบการ นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ รวมกว่า 1,000 คน จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและแสดงให้นักลงทุนได้เห็นว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายประเทศไทยมีศักยภาพและมีความพร้อมในการเป็นจุดหมายของนักลงทุนของโลกโดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่จะสร้างเป็นเครื่องยนต์ใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและในระยะยาวนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันนี้การลงทุนและเศรษฐกิจของทั่วโลกเป็นสิ่งท้าทาย โดยเฉพาะ การจะหาช่องทางให้เกิดการลงทุนใหม่ ๆ ไม่ได้ง่ายเหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ขณะนี้เศรษฐกิจไทยค่อยๆ เติบโต แม้อยากให้เติบโตแบบก้าวกระโดดก็ตาม เนื่องจากที่ผ่านมาการลงทนหลายอย่างช้าไป ดังนั้นจึงต้องดึงนักลงทุนต่างประเทศ เข้ามาเพื่อสร้างโอกาส เปลี่ยนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยมีหลายภาคส่วนร่วมมือกันอย่างบูรณาการ และสร้างความเชื่อมั่นเป็นประเทศที่น่าลงทุน ดังนั้นวันนี้รัฐบาลต้องสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับทั่วโลกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน เป็นประเทศแห่งโอกาส มีความพร้อมของประเทศและคน ที่จะพัฒนารองรับโอกาสใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการลงทุนในระยะยาว โดยจะให้ความเชื่อมั่นว่าเมื่อลงทุนแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญรองรับการลงทุน ขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการผลักดันรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ที่มีการเพิ่มตั้งแต่ภาคใต้เข้าสู่ส่วนกลาง มีการอนุมัติลงทุนสายสีม่วงใต้ เพื่อเชื่อมกรุงเทพฯชั้นนอกเข้าสู่ชั้นใน ขณะที่รถไฟความเร็วสูงในพื้นที่ภาคอีสานระยะที่สอง ได้ดำเนินการแล้ว จะเป็นการเชื่อมระดับภูมิภาคเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในระยะที่ 3 มีมูลค่าการลงทุน 1.5 แสนล้านบาท และมีการขยายท่าอากาศยานเพิ่มมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯและภูมิภาค รัฐบาลหวังว่าจะช่วยเพิ่มการขนส่งให้เกิดความเข้มแข็ง และตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจ
![]()

สรุปข่าว
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า โครงการแลนด์บริดจ์ ยังได้รับความสนใจจากประเทศจีน รวมถึงประเทศอื่น ๆ จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าในภูมิภาค เชื่อว่าเชื่อว่าหากโครงการนี้สำเร็จ ไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทันทีในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และจะทำให้เกิดการจราจรที่คล่องตัว เกิดการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทย นอกจากนี้ รัฐบาล ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ โดยจะมีการวางแผนในระยะยาว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอีก และไม่เสียงบประมาณไปกับการเยียวยาในจำนวนมาก เชื่อว่าประชาชนจะเห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นรัฐบาลจึงวางแผนสร้างกำแพงกั้นน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงในภาคอื่น ๆ พร้อมเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และธุรกิจในอนาคต ทั้งเซมิคอนดักเตอร์ ดาต้าเซนเตอร์ นโยบายคลาวด์เฟิร์ส โพลิซี เพื่อดึงดูดการลงทุนในระยะยาว โดยทำให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมด้านนี้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลไม่ได้ละเลยในการพัฒนาศักยภาพบุคคล ซึ่งมีนโยบายหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน หรือโอดอส พัฒนาศักยภาพบุคคลเฉพาะทาง ย้ำว่าจะมีการผลิตบุคลากรเพิ่มกว่า 8 หมื่นคน ขณะเดียวกันจะดึงดูดบุคลากรจากทั่วโลกเพื่อมาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการทำงาน ซึ่งรัฐบาลจะทำเรื่องนี้ควบคู่กันไป ทั้งการเตรียมความพร้อมของคน และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าการที่จะทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนให้มากขึ้นในไทย ต้องลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น โดยจะขับเคลื่อนวันสต๊อปเซอร์วิสให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญภาคการผลิต โดยเฉพาะการเกษตร อาหาร บริการท่องเที่ยว และการแพทย์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย และยากที่จะแข็งขัน เพราะมีการบริการที่ซ่อนอยู่ในตัวคนไทย คือ ซอฟต์พาวเวอร์ ที่รัฐบาลนี้เตรียมพร้อทยกระดับพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยจะนำเทคโนโลยีและภูมิปัญญาเดิมของชาวบ้านมาผสมผสานกัน เพื่อเพิ่มผลผลิต นำไปสู่ครัวไทยสู่ครัวโลก และจะดูแลภาคการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว พบว่ากำลังเติบโตไปได้ดี หลังจากสถานการณ์โควิดผ่านไป ขณะเดียวกันรัฐบาล กำลังผลักดันการท่องเที่ยวในรูปแบบแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้เที่ยวได้ตลอดปี
ในช่วงท้ายนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ที่ทำลายสถิติใหม่ในรอบ 10 ปี เพราะมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 1.13 ล้านล้านบาท พร้อมเน้นย้ำ การพัฒนาเศรษฐกิจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องอาศัยทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน จะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้ยั่งยืนมันคงต่อไปได้

ศิดาพักตร์ ศักดิ์บุญญารัตน์
(พักตร์)
บรรณาธิการข่าวการเมือง TNN ช่อง16