เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.59 บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.59 บาท/ดอลลาร์ "แข็งค่าเล็กน้อย" จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.68 บาท/ดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.80 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 33.57-33.73 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาผสมผสาน โดยยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ในเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นเพียง 7.7 หมื่นตำแหน่ง น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก ขณะที่ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.5 จุด (ดัชนี เกิน 50 จุด สะท้อนถึง ภาวะขยายตัว) ดีกว่าที่ตลาดคาด 

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการทยอยแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก อาทิ เงินยูโร (EUR) ที่ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป ส่วนเงินเปโซของเม็กซิโก (MXN) และเงินแคนาดาดอลลาร์ (CAD) ก็แข็งค่าขึ้น หลังมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเลื่อนเวลาการเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าบางรายการ อาทิ สินค้ากลุ่มยานยนต์ จากเม็กซิโกและแคนดา เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลง USMCA 

เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.59 บาท/ดอลลาร์

สรุปข่าว

เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.59 บาท/ดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.80 บาท/ดอลลาร์

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ Sideways และยังไม่สามารถกลับไปอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจน หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลประเด็นสงครามการค้า จากการที่ทางการสหรัฐฯ อาจเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าบางรายงานจากเม็กซิโกและแคนาดา อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทก็เสี่ยงกลับมาอ่อนค่าลงได้ทุกเมื่อ หากตลาดกลับมากังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งในเดือนมีนาคมนี้ ต้องจับตาท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะตัดสินใจเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากยุโรปหรือไม่ เนื่องจากในช่วงนี้ เงินยูโร (EUR) ได้ทยอยแข็งค่าขึ้นพอสมควร ตอบรับความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่เยอรมนี รวมถึงการปรับสถานะ Short EUR (มองเงินยูโรอ่อนค่าลง) ของผู้เล่นในตลาด ทำให้เงินยูโรก็เสี่ยงกลับมาอ่อนค่าลงได้ หากเผชิญปัจจัยกดดันเพิ่มเติม 

ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า แม้เงินบาทเสี่ยงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง จากประเด็นนโยบายกีดกันทางการค้า แต่การอ่อนค่าของเงินบาทอาจไม่รุนแรงมากนัก ตราบใดที่ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้ หรือ อย่างน้อยก็แกว่งตัว Sideways แต่หากมีปัจจัยที่กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลงหนัก เข้าสู่ช่วงการปรับฐานอีกครั้ง ก็อาจยิ่งกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ 


อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าลงบ้าง ตามแรงซื้อเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้นำเข้า และโฟลว์ธุรกรรมน้ำมัน หลังราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงนี้ ทำให้เงินบาทยังคงมีแนวโน้มแถว 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวต้านของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 33.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 34.00 บาทต่อดอลลาร์)

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

ที่มาข้อมูล : IQ

ที่มารูปภาพ : Getty Images

avatar

Siriporn Boo
(siriporn_boo)