ไข้หวัดใหญ่ระบาด กรมวิทย์ฯ ชี้แจงวัคซีนที่ใช้มีประสิทธิภาพแค่ไหน?

นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนมกราคม 2568 โดยพบว่าไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H1N1 (pdm09) มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.46 รองลงมาคือไข้หวัดใหญ่ชนิด B(Victoria) ร้อยละ 34.86 และไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) ร้อยละ 25.68 การตรวจสอบสายพันธุกรรมในประเทศไทยโดยใช้เทคนิค Whole Genome Sequencing พบว่าสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศมีความสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลก

สำหรับประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศสายพันธุ์วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับซีกโลกใต้ ปี 2025 ซึ่งผลการวิเคราะห์พบว่าสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทย ตรงกับวัคซีนที่ใช้ในปี 2025 ดังนั้น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ใช้อยู่ในไทยยังคงสามารถป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไข้หวัดใหญ่ระบาด กรมวิทย์ฯ ชี้แจงวัคซีนที่ใช้มีประสิทธิภาพแค่ไหน?

สรุปข่าว

ไข้หวัดใหญ่ในไทยระบาด H1N1 (pdm09) พบมากสุด รองลงมาคือ B (Victoria) และ H3N2 องค์การอนามัยโลกยืนยัน วัคซีนปี 2025 ยังป้องกันสายพันธุ์ที่ระบาดได้ ตรวจพบเชื้อ H1N1 ดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ 1.9% แต่ H3N2 และ B ยังไม่พบการดื้อยา แนะประชาชน ฉีดวัคซีนทุกปี และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดต่อเนื่อง

ขณะที่สถานการณ์ของเชื้อดื้อยานั้น นายแพทย์ยงยศ ระบุว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่ที่แยกได้จากตัวอย่างผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ปอดอักเสบ ที่ส่งมายังห้องปฏิบัติการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระหว่างเดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนมกราคม 2568 พบยีนบ่งชี้ต่อการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ในไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) pdm09 ร้อยละ 1.9 ส่วนเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลชนิด A(H3N2) และไข้หวัดใหญ่ชนิด B ยังไม่พบยีนบ่งชี้ต่อการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยมีการใช้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์เป็นหลัก ดังนั้นการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ดื้อยาจึงจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลนี้มาใช้ประโยชน์ในการจัดทำคำแนะนำการเลือกใช้ยาให้เกิดประสิทธิผล ตลอดจนการวางแผนสำรองยาต้านไวรัสที่เหมาะสมกับประเทศไทยต่อไป



ที่มาข้อมูล : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ที่มารูปภาพ : TNN

avatar

Chayapha Pak.
(chayapha_pak)