
เมื่อชีวิตแขวนอยู่กับเศษซาก ความหวัง-กลยุทธ์-การตัดสินใจในภาวะวิกฤต
ใจกลางเมืองหลวงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ผู้คนจำนวนหนึ่งยังไม่สามารถกลับบ้านได้ พวกเขายังเฝ้ารอ รอลมหายใจสุดท้ายของใครบางคนที่อาจยังติดอยู่ใต้ซากปูนของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังทลายลงจากแรงแผ่นดินไหว ความหวังอาจเลือนราง แต่ภารกิจยังดำเนินต่อเนื่องไม่หยุด

สรุปข่าว
เสียงเครื่องจักรยังทำงานตลอดทั้งวันและคืน แสงไฟจากไฟฉายของเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังส่องไปตามรอยแยกของคอนกรีต กล้องสำรวจ สุนัข K-9 และความพยายามในทุกวิถีทาง กำลังต่อสู้กับเวลา ภาพเหล่านี้คล้ายคลึงกับอีกเหตุการณ์หนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ที่โลกทั้งใบของใครหลายคนเคยหยุดหมุน นั่นคือ — การค้นหา 13 ชีวิต “หมูป่าอะคาเดมี” ในถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย
แม้บริบทต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่หัวใจของทั้งสองเหตุการณ์คือ “ความเป็นความตาย” ที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายเดียวกัน
ความหวัง เชื้อเพลิงของภารกิจ
ความหวังไม่ใช่สิ่งจับต้องได้ แต่กลับเป็นพลังสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่ ฝ่ายสนับสนุน และประชาชนทั่วไปยังเชื่อว่า “เราอาจเจอผู้รอดชีวิตอีก” ทั้งในถ้ำหลวงเมื่อปี 2561 และใต้ซากตึกสตง. ในวันนี้
ในกรณีของหมูป่า ความหวังถูกเลี้ยงไว้ด้วยการสื่อสารเชิงบวก การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และการบริหารจัดการข่าวสารอย่างมีทิศทาง ส่วนในกรณีของตึกถล่ม ความหวังอยู่ในรูปของการขุดค้นต่อเนื่อง การเปิดพื้นที่เพิ่มขึ้น การใช้เครื่องมือหลากหลาย และการรื้อถอนอย่างรอบคอบ
กลยุทธ์ เมื่อเทคโนโลยีและเวลาแข่งกัน
ความต่างประการสำคัญระหว่างสองเหตุการณ์คือ “ลักษณะพื้นที่” ถ้ำหลวงคือพื้นที่ปิดแต่คงสภาพ ขณะที่ซากตึกคือพื้นที่เปิดแต่ไร้ความมั่นคง กลยุทธ์ของการกู้ภัยจึงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ในถ้ำหลวง กลยุทธ์คือ “การเข้าถึง” โดยมีเวลาและน้ำเป็นศัตรูหลัก ส่วนตึกสตง. กลยุทธ์คือ “การรื้อ-ค้น-ระวังถล่มซ้ำ” การใช้ K-9 กล้องสำรวจ และการคำนวณโครงสร้างต้องทำคู่ขนานกับการบริหารความเสี่ยงตลอดเวลา
ทั้งสองภารกิจใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ต้องอาศัยการตัดสินใจที่รวดเร็ว แม่นยำ แต่ไม่เร่งเร้า และต้องฟังเสียงจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ทั้งวิศวกรรม โครงสร้าง แพทย์ พฤติกรรมมนุษย์ และการสื่อสารสาธารณะ
การตัดสินใจ ความกล้ากับความรับผิดชอบ
ในภาวะวิกฤต “การตัดสินใจ” คือศิลปะของความกล้าและการยอมรับผลที่ตามมา ในถ้ำหลวงมีจุดเปลี่ยนที่ทีมตัดสินใจให้เด็กออกมาทีละคนโดยนักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญ ทั้งที่โอกาสความสำเร็จต่ำมาก ขณะที่การรื้อซากตึกต้องตัดสินใจว่าจะใช้เครื่องจักรตอนไหน จะเปิดโซนใดก่อน และพร้อมแลกกับความเสี่ยงแค่ไหน
ทุกการตัดสินใจมีต้นทุน และไม่มีทางรู้ผลลัพธ์จนกว่าภารกิจจะจบลง
ซึ่งความเข้าใจของสังคม และพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ทำงานโดยไม่ถูกกดดันจากเสียงรอบข้าง ยังคงมีความสำคัญไม่แพ้กัน
สุดท้าย ปาฏิหาริย์อาจไม่เกิดขึ้นทุกครั้ง
ถ้ำหลวง คือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริง ตึกถล่มอาจไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป แต่ไม่ได้หมายความว่าความพยายามจะไร้ความหมาย เพราะเบื้องหลังของทุกวินาทีที่เครื่องจักรยังเดินหน้า คือความเชื่อ และความตั้งใจที่จะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
และในวันที่ภารกิจสิ้นสุด ไม่ว่าจะพบผู้รอดชีวิตหรือไม่ ความหวัง กลยุทธ์ และการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาวิกฤตนี้ จะกลายเป็นบทเรียนให้เราแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง
ที่มารูปภาพ : TNN / Freepik
บรรณาธิการออนไลน์