ไข้อีดำอีแดง คืออะไร? ล่าสุดเริ่มระบาด บางโรงเรียนต้องหยุดเรียน เช็กอาการ-วิธีป้องกัน

ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง เจ้าของแฟนเพจ "หมอแล็บแพนด้า" ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัว แนบเอกสารจาก ศูนย์สาธารณสุข 2 สะพานสาม เทศกาลนครสมุทรปราการ ในเรื่องขอแจ้งหยุดเรียนของโรงเรียนในพื้นที่ เนื่องจากมีการแพร่ระบาด ของโรคอีดำอีแดง โดยพบ นักเรียนระดับอนุบาล และ ชั้นประถมได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าป่วยเป็นโรคอีดำอีแดง และเปิดเรียนอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568

โดยระหว่างช่วงหยุดเรียนขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยคัดกรอง นักเรียนหากพบว่า มีไข้สูง ตัวร้อน เจ็บคอ ให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการ

ภาพจาก หมอแล็บแพนด้า

ไข้อีดำอีแดง คืออะไร? ล่าสุดเริ่มระบาด บางโรงเรียนต้องหยุดเรียน เช็กอาการ-วิธีป้องกัน

สรุปข่าว

ไข้อีดำอีแดงระบาด บางโรงเรียนต้องหยุดเรียน ล่าสุดหลังพบผู้ปวยในชั้นอนุบาลและชั้นประถม เช็กอาการและการติดต่อ ได้ที่นี่

โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever  คืออะไร

เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคที่เรียชื่อเสตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี ปัจจุบันพบโรคนี้ได้น้อยลงมากเนื่องจากผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม  
ติดต่อได้อย่างไร  

เชื้อชนิดนี้จะมีอยู่ในน้ำลาย เสมหะหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก สามารถติดต่อได้โดยการหายใจสูดเอา   ละอองฝอยของเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามรดหรือติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงผ่านทางมือผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น แก้วน้ำ จาน ชาม ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น

อาการไข้อีดำอีแดง

แรกเริ่มผู้ป่วยจะมีไข้สูงฉับพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อยพลีย ปวดเมื่อยตามตัวและเจ็บคอ อาจพบ ตุ่มสีแดงที่ลิ้น คล้ายผลสตรอเบอรี่ ทอนซิลก็จะบวมแดงและมีหนอง อาจคลำได้ต่อมน้ำเหลืองที่ข้างลำคอโต หลังจากมีไข้ 1-2 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีผื่นแดงขึ้นบริเวณรอบคอ หน้าอก และกระจายไปตามลำตัวและแขนขาอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง  

ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีผื่นเป็นอาการแรกก็ได้ ผื่นจะมีลักษณะเป็นเม็ดหยาบๆเมื่อลูบจะรู้สึกสากๆคล้ายกระดาษทราย มักจะไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่อาจจะพบในลักษณะที่แก้มแดงและรอบปากซีด อาจจะมีอาการคันบริเวณผื่นได้ ต่อมาผื่นจะมีสีเข้มขึ้นบริเวณรอยพับตามผิวหนัง โดยเฉพาะที่ข้อพับแขน เรียกว่า เส้นพาสเตีย (Pastia’ s line)  หลังจากผื่นขึ้น 3-4 วันจะเริ่มจางหายไป

หลังจากผื่นจางได้ 1 สัปดาห์จะมีอาการลอกเป็นแผ่นของผิวหนังบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ปลายนิ้วมือเท้า ส่วนตามลำตัวมักลอกเป็นขุยๆ อาการผิวลอกนี้บางรายอาจจะพบติดต่อกันได้นานเป็นเดือน

อาการแทรกซ้อนที่สำคัญ

ได้แก่ โรคไข้รูมาติกและหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันซึ่งมักเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์ (เกิดจากปฏิกิริยาของแอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นด้วยเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอต่ออวัยวะต่างๆของร่างกาย)

ระยะเวลาการติดต่อและควรหยุดโรงเรียนนานแค่ไหน

ควรให้หยุดเรียนหรือแยกตัวออกจากผู้อื่นจนกว่าได้ยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมงจึงจะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น

การป้องกันทำได้อย่างไร

เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อสเตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ การป้องกันการติดเชื้อจึงสามารถทำได้โดยปฏิบัติดังต่อไปนี้

-ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ดัวยการรับประทานอาหารที่ประโยชน์ครบ 5 หมู่ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
-หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยแต่หากมีความจำเป็นที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วยจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาร่วมกับล้างมือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ของผู้ป่วย
-อย่าใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะของใช้ส่วนวตัว เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น

avatar

Tanvarut Naumpakdee
(Tanvarut Naumpakdee)