
แก๊งคอลเซ็นเตอร์เมียนมากว่า 7,100 คน เสี่ยงผึ้งแตกรัง ทะลักเข้าไทยผ่านช่องธรรมชาติหรือไม่
ภาพจากจังหวัดเมียวดีของเมียนมา ที่กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง หรือ BGF เปิดเผยออกมาในช่วงไม่กี่วันมานี้ แสดงให้เห็น บุคคลต่างชาติที่เป็นทั้งผู้ต้องสงสัยคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเหยื่อค้ามนุษย์ แออัดอยู่ในศูนย์กักกัน
บุคคลเหล่านี้ ถูกนำมาควบคุมตัว หลังทางการกะเหรี่ยงได้บุกปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วจังหวัด แต่ปริมาณเพิ่มขึ้นสะสมเป็นกว่า 7,100 คน ทำให้ศักยภาพรองรับเกินขีดความสามารถ ถึงจุดที่ BGF ประกาศว่า ต้องระงับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ออกไปก่อน จนกว่าจะระบายบุคคลต่างชาติเหล่านี้ออกไปได้

สรุปข่าว
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยอมรับเมื่อ 25 ก.พ. ว่า แม้การจัดส่งเหยื่อค้ามนุษย์ และผู้ต้องสงสัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ในช่วงที่ผ่านมา จะลุล่วงด้วยดี
แต่ก็เป็นห่วงถึงบุคคลต่างชาติที่กำลังล้นในฝั่งเมียวดีว่า หากไม่เร่งคลี่คลาย “เขาอาจปล่อยทิ้ง” ซึ่งจะก่อให้เกิดวิกฤตผึ้งแตกรัง บุคคลเหล่านี้พยายามหลบหนีข้ามมาประเทศไทยได้
สาเหตุที่รัฐบาลไทยยังไม่รับบุคคลต่างชาติจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้เข้ามา เพราะการกำหนดว่า ไทยจะไม่สร้างศูนย์กักกัน นั่นหมายความว่า สถานทูตประเทศต้นทางของบุคคลต่างชาติเหล่านี้ ต้องประสานรับกลับประเทศไปทันที หลังเดินทางผ่านเข้ามาไทยผ่านอำเภอแม่สอด เหมือนที่ทางการจีนทำด้วยการส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำมารับ
ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ จะมีการประชุมไตรภาคีระหว่างไทย เมียนมา และจีน ต่อไปในสัปดาห์หน้า
สำหรับจุดผ่านแดนระหว่างไทยและเมียนมาอย่างเป็นทางการนั้น ตามข้อมูลของกระทรวงกลาโหม (2566) พบว่า มีอยู่ 21 จุดด้วยกัน กระจายอยู่ใน 7 จังหวัด
ประกอบด้วย จุดผ่านแดนถาวร 6 จุด จุดผ่อนปรนการค้า 13 จุด จุดผ่อนปรนพิเศษ 1 จุด และจุดผ่านแดนชั่วคราว 1 จุด
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดตาก ซึ่งเป็ฯที่ตั้งของจุดผ่านแดนถาวร 4 แห่ง จากทั้งหมด 6 แห่ง
ทั้งนี้ ไทยและเมียนมามีพรมแดนติดกันทั้งทางบกกับทางทะเล รวมกันกว่า 2,400 กิโลเมตร ทำให้มีช่องทางธรรมชาติ ที่ผู้คนสามารถลักลอบหลบหนีเข้ามาได้
ช่องทางธรรมชาติระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน มีดังนี้
ชายแดนไทย-กัมพูชา
- จังหวัดสระแก้ว พื้นที่นี้มีพรมแดนยาว โดยเฉพาะจุดชายแดนเช่นช่องตาเถรและช่องอานม้า ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติที่ผู้หลบหนีนิยมใช้เดินเท้าหรือใช้รถผ่าน จุดนี้มีเครือข่ายช่วยเหลือในพื้นที่ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น
- จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ ชายแดนในพื้นที่นี้เชื่อมต่อกับกัมพูชาเช่นกัน มีเส้นทางป่าและแม่น้ำที่ช่วยให้ผู้หลบหนีสามารถเดินทางเข้า-ออกได้อย่างง่ายดาย
ชายแดนไทย-เมียนมา
- จังหวัดตาก โดยเฉพาะแม่สอดและแนวชายแดนตามแม่น้ำเมยที่เป็นที่รู้จัก มีการลักลอบเดินทางข้ามแม่น้ำอย่างต่อเนื่อง เส้นทางนี้สามารถใช้เรือข้ามไปยังเมียนมาได้ง่าย ทำให้กลายเป็นช่องทางหลบหนีคดีสำคัญ
- จังหวัดเชียงรายและแม่ฮ่องสอน พื้นที่นี้มีภูมิประเทศเป็นป่าเขาและพื้นที่ดอยสูง โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย เส้นทางนี้เป็นที่รู้จักว่ามีเครือข่ายอาชญากรรมและการลักลอบข้ามพรมแดนที่เจ้าหน้าที่ไทยจับตาอย่างเข้มงวด
ชายแดนไทย-ลาว
- จังหวัดหนองคายและบึงกาฬ ติดแม่น้ำโขงที่เชื่อมระหว่างไทยและลาว เส้นทางธรรมชาตินี้สามารถใช้เรือหางยาวหรือแพข้ามแม่น้ำได้สะดวก เป็นเส้นทางที่ลักลอบใช้บ่อยครั้ง
- จังหวัดนครพนมและมุกดาหาร พื้นที่ริมแม่น้ำโขงที่มีเส้นทางธรรมชาติที่หลบเลี่ยงด่านตรวจและการควบคุมของเจ้าหน้าที่ เป็นจุดที่มีการลักลอบหลบหนีสูงเช่นกัน
ชายแดนไทย-มาเลเซีย
- จังหวัดสงขลาและนราธิวาส มีเส้นทางป่าและเขาตามแนวชายแดนที่ช่วยให้ผู้ลักลอบเดินทางเข้า-ออกระหว่างไทยและมาเลเซียได้ง่าย โดยเส้นทางเหล่านี้ค่อนข้างท้าทายต่อการตรวจสอบ
- เบตง จังหวัดยะลา แม้มีจุดตรวจหลัก แต่ยังมีช่องทางธรรมชาติเล็ก ๆ ที่สามารถลัดเลาะเข้าออกได้โดยไม่ต้องผ่านด่านใหญ่
ที่มาข้อมูล : TNN Online
ที่มารูปภาพ : AFP

ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล