สรุป DeepSeek AI สะเทือนโลกจากจีน เขย่าความเชื่อมั่นวงการ AI สหรัฐอเมริกา

DeepSeek คืออะไร

DeepSeek พัฒนาจากทีมเทคฯ เล็ก ๆ ในจีน เป็น AI แบบที่เรียกว่า LLM (Large Language Model) เช่นเดียวกับ ChatGPT ของ OpenAI Llama 3.2 ของ Meta Claude Sonnet 3.5 ของ Anthropic และ Gemini ของ Google ในสหรัฐอเมริกา

ทำไม DeepSeek ถึงได้รับความนิยม

DeepSeek นั้นระบุว่าความสามารถของแพลตฟอร์มนั้นเหนือกว่า ChatGPT และ Gemini รวมถึงยังเปิดให้ใช้งานได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

ทำไม DeepSeek ถึงเป็นข่าวสะเทือนโลก

เพราะ DeepSeek เคลมว่า ระบบทั้งหมดใช้เวลาแค่ 2 เดือนในการพัฒนา นับจากต้นเดือนธันวาคม 2024 และใช้เงินแค่ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (~190 ล้านบาท) ด้วยชิป NVIDIA รุ่นเก่าก่อนสหรัฐฯ ห้ามขายให้จีน 

ความสามารถที่เหนือกว่า แต่ราคาในการพัฒนาที่ถูกกว่า ทำให้คนมองว่าการพัฒนา AI ในสหรัฐทำไมถึงใช้เงินมหาศาล เฉพาะ OpenAI ก็ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (~17 ล้านล้านบาท) แล้ว จึงเป็นเหตุให้ตลาดเกิดความกังวลว่า สหรัฐฯ ยังเป็นผู้นำด้านการพัฒนา AI จริงหรือไม่

ผลลัพธ์ความกังวลสะท้อนผ่านราคาหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีที่ร่วงอย่างรุนแรงมากกว่า 10% ในหลายบริษัท เช่น NVIDIA Broadcom Oracle หลายบริษัทร่วงมากกว่า 2% เช่น Alphabet (บ.แม่ของ Google) Microsoft Meta เว้น Apple ที่ถึงแม้จะมี Apple Intelligence แต่ไม่ได้รับผลกระทบ


สรุป DeepSeek AI สะเทือนโลกจากจีน เขย่าความเชื่อมั่นวงการ AI สหรัฐอเมริกา

สรุปข่าว

สรุป DeepSeek พัฒนาจากทีมเทคฯ เล็ก ๆ ในจีน เป็น AI แบบที่เรียกว่า LLM ที่เขย่าวงการเทคฯ ทั่วสหรัฐอเมริกา

DeepSeek พัฒนา AI อย่างไร

เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) เล่าว่าเขาได้รวบรวมทีมนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยตัวท็อปในจีนนับร้อยชีวิตมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้ AI สามารถเทรน (train - ฝึกสอน) ให้เติบโตได้ ด้วยทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด

เหลียงเน้นการวิจัยเพื่อการพัฒนาโมเดล AI โดยไม่เน้นการหารายได้ใด ๆ ซึ่งทำให้ไม่มีข้อจำกัดในการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล เพราะเป็นการใช้ข้อมูลทางวิชาการเป็นหลักแทน

ผลลัพธ์ก็คือการรวมเทคนิคการเทรนหลายแบบที่มีอยู่ในโลกเข้าด้วยกัน มาปรับใช้ให้เข้ากับอุปกรณ์ที่มีอยู่ โดยเป้าหมายคือการลดความจำ (Memory) ที่คอมพิวเตอร์ต้องใช้เพื่อฝึก AI และทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โค้ด (source code) ของการพัฒนา DeepSeek บริษัทได้เปิดเผยต่อสาธารณะ (Open source) ซึ่งทำให้นักพัฒนาทั่วโลกเห็นว่าบริษัทสามารถสร้างวิธีการเทรน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรขั้นสูง ซึ่งเป็นความเข้าใจเดิมที่มีต่อการเทรน LLM มาโดยตลอด

สหรัฐฯ มีปฏิกิริยาต่อ DeepSeek อย่างไร

Sam Altman CEO ของ OpenAI ชื่นชมความสามารถของ DeepSeek แต่ยืนยันว่า OpenAI ก็มีไม้เด็ดเหมือนกัน

Satya Nadella CEO ของ Microsoft มองว่าน่าประทับใจทั้งในแง่ประสิทธิภาพ และต้นทุน และเราควรจับตาการพัฒนาของจีนอย่างใกล้ชิด 

Donal Trump ประธานาธิบดีฯ มองว่า DeepSeek ช่วยปลุกบริษัทเทคฯ ในอเมริกาให้หันมาแข่งขันพัฒนามากขึ้น เพราะแทนที่จะใช้เงินเป็นล้านล้านบาท กลับมีบริษัทที่ทำได้ด้วยงบแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น

Elon Musk ในฐานะเจ้าของบริษัท xAI มองว่า DeepSeek โกหกเรื่องจำนวนชิป NVIDIA และเงินทุนที่ใช้ 

NVIDIA ตำบลกระสุนตกจากกรณี DeepSeek

ข่าวคราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้มูลค่าบริษัท (Market Cap) ของ NVIDIA หายไป 589,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (~20 ล้านล้านบาท) ในวันเดียว ส่วน Jensen Huang เจ้าของและ CEO ก็มีทรัพย์สินลดลงไป 20,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (~7 แสนล้านบาท)

และไม่ว่า DeepSeek จะมีต้นทุนการพัฒนาต่ำกว่าฝั่งสหรัฐฯ จริงหรือไม่ แต่การมาของ DeepSeek ได้เป็นกระแสหลักของการพูดคุยในโลก ทั้งในแง่ความสามารถ การเมืองระหว่างประเทศ และเทคโนโลยีอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี

ที่มาข้อมูล : Reuters, NBC News, AFR, Forbes, MIT Technology Review, The Verge, New York Times, BBC, Wired

ที่มารูปภาพ : Reuters