19-11-2022
21:13
21:08
20:05
19:42
17:56
17:19
17:05
16:33
16:24
13:32
13:10
11:26
11:25
11:24
11:16
11:14
11:11
10:25
18-11-2022
20:21
20:17
18:52
17:52
17:44
16:31
16:14
14:04
13:55
12:47
12:10
11:52
11:13
09:49
09:47
09:45
09:28
17-11-2022
22:28
21:53
19:55
19:52
19:46
19:19
18:58
18:55
18:01
17:59
17:54
17:48
17:42
17:39
16:25
14:47
14:04
13:04
12:45
12:20
09:44
09:42
16-11-2022
21:03
17:37
17:33
17:31
12:57
10:42
10:38
15-11-2022
21:06
20:45
20:36
17:11
14:52
10:43
10:27
10:20
10:19
09:43
08:43
14-11-2022
18:47
18:33
18:24
18:21
18:18
18:08
15:50
14:47
13:21
10:23
13-11-2022
22:08
21:44
17:50
16:08
15:50
15:06
14:50
14:50
12-11-2022
15:40
14:13
14:10
09:58
09:19
11-11-2022
20:49
19:13
17:44
17:29
17:26
17:09
11:12
10-11-2022
11:15
08:39
08:39
08:39
09-11-2022
08-11-2022
22:40
17:26
16:43
15:32
09:17
07-11-2022
06-11-2022
05-11-2022
04-11-2022
17:48
16:28
16:28
11:46
11:02
10:57
10:54
02-11-2022
01-11-2022
18:56
14:49
14:49
14:49
31-10-2022
30-10-2022
ประเด็นสำคัญ :
นายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ กลับมาเคารพกฎระเบียบระหว่างประเทศ และสนับสนุนกลไกพหุภาคีเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลก
นายมาครงกล่าวว่า โลกมาถึงจุดเปลี่ยนอันเนื่องจากวิกฤต 3 ประการ กล่าวคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งปะทุขึ้นต่อเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลให้เกิดวิกฤตทางอาหารและพลังงาน นับเป็นการรุกรานที่ละเมิดกฎระเบียบระหว่างประเทศ การเผชิญหน้ากันของประเทศมหาอำนาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อระเบียบโลก การค้า และการลงทุน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับโลกและผู้นำธุรกิจ ที่จะร่วมมือกันสร้างความเปลี่ยนแปลง
นายมาครงเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ดำเนินการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม เพื่อจัดการกับความไม่เท่าเทียมและความไร้เสถียรภาพ
นายมาครงเห็นว่า เพื่อป้องกันความขัดแย้งใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น จำเป็นจะต้องสร้างเสถียรภาพ และความสมดุลใหม่ให้เกิดขึ้นในภูมิภาค และเสนอว่าความสมดุลอย่างมีพลวัต (dynamic balance) คือหนทางที่จะทำให้ประเทศต่าง ๆ ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์บังคับให้ต้องเลือกข้างระหว่างมหาอำนาจแต่ละฝ่าย ดีเอ็นเอของระบบทุนนิยมต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้มีความครอบคลุมและยั่งยืน
Quotes :
“[ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน] ไม่ได้เป็นเพียงวิกฤตในภูมิภาคแต่เป็นวิกฤตระดับโลก…นี่เป็นการรุกรานที่ละเมิดกฎระเบียบระหว่างประเทศ” – เอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่ง สาธารณรัฐฝรั่งเศส
“[ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน] ผลักให้หลายประเทศตกอยู่ในภาวะที่ต้องเลือกว่าจะอยู่ข้างใด…ในขณะที่เราต้องการระเบียบโลกที่เป็นหนึ่งเดียว” – เอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
“ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของเราคือการสร้างความสมดุลอย่างมีพลวัต…เราแข่งขันกันและต่างปรารถนาที่จะชนะ แต่เราจะต้องเคารพอธิปไตยของกันและกัน” – เอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
“ความท้าทายของเราก็คือ สร้างการเติบโต ขยายการลงทุน และการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ” – เอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
“เราจะต้องสร้างดีเอ็นเอใหม่ทางเศรษฐกิจ เราต่างยอมรับระบบทุนนิยมและการค้า แต่เราจะต้องทำให้มันครอบคลุมและยั่งยืน” – เอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
“ผมมั่นใจว่า ความร่วมมือกันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกฝ่ายชนะ” – เอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
APEC 2022
บทแถลงการณ์ต่อคณะสื่อมวลชนจากคณะทำงาน APEC CEO Summit 2022:
ในนามของสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค 2022 ผู้จัดงาน APEC CEO Summit 2022 นี่คือการแถลงข่าวสรุปประเด็นประจำวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ของการประชุม APEC CEO Summit 2022 จาก The Athenee Hotel, A Luxury Collection Hotel, Bangkok APEC CEO Summit 2022 เป็นเวทีคู่ขนานกับการประชุมเอเปค 2022 โดยวันนี้ ได้ดำเนินการมาถึงวันสุดท้ายแล้ว เวทีแห่งนี้เป็นการเจรจา อภิปราย และแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ผู้นำทางความคิด และนัก วิชาการต่างๆ ในประเด็นทางธุรกิจที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญ
ภายใต้แนวทาง "Embrace Engage Enable" บทสนทนาตลอดสองวันที่ผ่านมา ได้ครอบคลุมทั้งประเด็นด้านการขับเคลื่อนทางเศรษกิจ การค้า และการลงทุน ที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของชุมชนเอเชียแปซิฟิกของเรา เช่นเดียวกับวันนี้ ที่มีบทสนทนาอันทรงพลังจากทั้งผู้นำเอเปค,ผู้นำทางความคิด และซีอีโอชั้นนำร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองที่มีความหมายยิ่ง และจะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจในอนาคต
สำหรับข้อสรุปที่สำคัญของการประชุม APEC CEO Summit 2022 ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 นี้ ได้มีประเด็นที่สำคัญ อันได้แก่
ประเด็นที่ 1: สันติภาพ เสถียรภาพ และความร่วมมือ คือกุญแจสู่ความเจริญรุ่งเรือง
นายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้เรียกร้องให้ยุติสงคราม และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ กลับมาเคารพกฎระเบียบระหว่างประเทศ และสนับสนุนกลไกพหุภาคีเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลก ตลอดจนเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ดำเนินการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม เพื่อจัดการกับความไม่เท่าเทียมและความไร้เสถียรภาพ นาง
คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เน้นย้ำถึงพันธสัญญาของสหรัฐฯ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความเป็นหุ้นส่วนอย่างทั่วถึงในภูมิภาค นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและการไหลเวียนของเงินทุนอย่างเสรี และเรียกร้องให้เขตเศรษฐกิจต่างๆ สร้างความมั่นใจว่าการเติบโตจะเท่าเทียมกันทั่วทั้งสังคม
นายกฤษณะ ศรีนิวาสัน ผู้อำนวยการแผนกเอเชียและแปซิฟิก กองทุนการเงิน ระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่านโยบายปกป้องทางการค้าและปัญหาการแบ่งแยกของระบบการเงิน จะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเศรษฐกิจโลก
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าความร่วมมือกันจากใจและความเป็นหุ้นส่วนกัน คือปัจจัยที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่พอสำหรับการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนในเชิงนโยบาย
ประเด็นที่ 2: การเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึง
นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ Excecutive Director, APEC CEO Summit 2022 กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อและราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น อาจนำไปสู่ความไม่สงบในสังคม และสร้างความตึงเครียดทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนโยบายทางการเงินและงบประมาณการคลังมีความเข้มงวดขึ้น
นายกฤษณะ ศรีนิวาสัน ผู้อำนวยการแผนกเอเชียและแปซิฟิก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า เมื่อโลกเผชิญกับ “มรสุมที่สมบูรณ์แบบ” ของความขัดแย้งทางการเมือง อาหาร สุขภาพ รวมถึงวิกฤตพลังงาน ผู้กำหนดนโยบายต้องไปให้ไกลกว่าการแก้ปัญหาระยะสั้น และต้องรับมือกับความท้าทายต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การผลักดันด้านนโยบาย ความร่วมมือข้ามพรมแดน และการส่งเสริมด้านนวัตกรรมเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อช่วยจัดการกับความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานอาหารและพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืน
เทคโนโลยีสามารถเป็นเครื่องมือที่ยิ่งใหญ่ในการช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลุ่มผู้ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงตลาดและโอกาสใหม่ๆ ได้ แม้ว่าความรู้ด้านดิจิทัล มาตรฐานระหว่างประเทศ และความปลอดภัยทางไซเบอร์จะเป็นประเด็นที่น่ากังวล
APEC 2022
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น./รอง โฆษก บช.น. กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเอเปค ครั้งที่ 29 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบภารกิจการรักษาความปลอดภัยและจัดการจราจรให้แก่ผู้นำประเทศ และผู้เข้าร่วมประชุม เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติในการจัดการจราจรดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องปิดการจราจรในวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.2565 เวลา 07.30 น. - 09.30 น. และ เวลา 11.00 น. - 13.00 น. ในบางเส้นทาง และบางช่วงบางเวลา จึงอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางของพี่น้องประชาชนในเส้นทางที่เกี่ยวข้อง
โดยแจ้งมาเพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมความพร้อมและวางแผนการเดินทาง ดังนี้
1.เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบ
1.2) เส้นทาง (พื้นราบ)
1) ถ.เพลินจิต (แยกราชประสงค์ - แยกเพลินจิต)
2) ถ.สุขุมวิท (แยกเพลินจิต - ซอยสุขุมวิท 22)
3) ถ.ราชดำริ (แยกราชประสงค์ - แยกศาลาแดง)
4) ถ.วิทยุ (แยกเพลินจิต - แยกวิทยุ)
5) ถ.ดวงพิทัษ์ (ตลอดสาย)
6) ถ.รัชดาฯ (แยกอโศกมนตรี - แยกพระราม4)
7) ถ.พระราม4 (แยกศาลาแดง - แยกพระราม 4)
8) ถ.สาทร (แยกวิทยุ - แยกนรินธร)
1.2) เส้นทางบนทางด่วน
1) ทางขึ้นด่วนสุรวงศ์ / ทางลงด่วนสีลม
2) ต่างระดับพญาไท- ต่างระดับมักกะสัน
3) ต่างระดับมักกะสัน - ด่วนเพลินจิต - ทางขึ้น/ลง ด่วนพระราม 42
2. เส้นทางแนะนำประชาชน
1) ถ.เพชรบุรี
2) ถ.พญาไท
3) ถ.อังรีดูนังต์
4) ถ.สีลม
5) ถ.นราธิวาสฯ
6) ถ.จันทน์
7) ถ.สุนทรโกษา
8) ซอยทองหล่อ
9) ซอยเอกมัย
10) ซอยสุขุมวิท 24
11) ซอยแสนสบาย
12) ซอยกล้วยน้ำไท
ทั้งนี้ บช.น.ขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนผู้ช้รถใช้ถนนได้รับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อมวางแผนในการเดินทาง และขอแนะนำให้หลีกเสี่ยงเส้นทางดังกล่าว โดยทาง บช.น. ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในภาพรวม เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และขออภัยในความไม่สะดวก
สำหรับผู้ที่ต้องการทราบข้อมูลสภาพการจราจร และสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) หมายเลขโทรศัพท์ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถดาวน์โหลดแผนที่จราจรเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางได้ที่ Facebook และ Twitter 1197
TNNONLINE
เปิดปาฐกถาโดย นาง "กมลา แฮร์ริส" รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความเป็นหุ้นส่วนอย่างทั่วถึงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจในภูมิภาคแปซิฟิกที่น่าภูมิใจ และมีฐานประโยชน์สำคัญในการส่งเสริมให้ภูมิภาคมีความเปิดกว้าง เชื่อมโยงถึงกัน มั่งคั่ง มั่นคงและยืดหยุ่น
โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเธอเข้ารับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้เสริมสร้างความเข้มแข็งในกลุ่มพันธมิตรและคู่ค้าทั่วภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ทั้งยังได้ยกระดับข้อตกลงด้านการป้องกันและยับยั้ง ช่วยให้อินโด-แปซิฟิก รักษาความมั่นคงและพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองมานานกว่า 70 ปี
รัฐบาลสหรัฐฯ ยังร่วมมือกับพันธมิตรและคู่ค้า ในการรักษากฎและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ ภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ทำให้สหรัฐฯ มีส่วนร่วมกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก มากกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งเราได้หลอมรวมศักยภาพใหม่ๆ และความเป็นผู้นำเข้าสู่เครือข่ายพันธมิตรระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้
รวมคำปราศรัย กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บนเวทีเอเปค 2022
“เรามีความสนใจอย่างยิ่งในการสนับสนุนภูมิภาคที่เสรี เปิดกว้าง เชื่อมโยง มั่งคั่ง และมั่นคง”
– กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
“จุดยืนของเราชัดเจน สหรัฐฯ มีพันธสัญญาทางเศรษฐกิจที่ยืนยงต่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ที่จะคงอยู่อย่างยาวนานไม่เพียงแค่หลายปี แต่จะยาวนานไปอีกหลายทศวรรษและหลายชั่วอายุคน”
– กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
“เศรษฐกิจจะพัฒนาได้เต็มศักยภาพก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วม สหรัฐฯ เชื่อว่า [การมีส่วนร่วม] ไม่เพียงเป็นหลักการที่ถูกต้องที่พึงกระทำ แต่ยังทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นไปอย่างเหมาะสม”
– กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
“ในฐานะหนึ่งในสมาชิกของอินโดแปซิฟิก อเมริกามีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างลึกซึ้งต่ออนาคตของภูมิภาคนี้”
– กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
Apec 2022
ปาฐกถาโดย นาง "กมลา แฮร์ริส" รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจในภูมิภาคแปซิฟิกที่น่าภูมิใจ และมีฐานประโยชน์สำคัญในการส่งเสริมให้ภูมิภาคมีความเปิดกว้าง เชื่อมโยงถึงกัน มั่งคั่ง มั่นคงและยืดหยุ่น
โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเธอเข้ารับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้เสริมสร้างความเข้มแข็งในกลุ่มพันธมิตรและคู่ค้าทั่วภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ทั้งยังได้ยกระดับข้อตกลงด้านการป้องกันและยับยั้ง ช่วยให้อินโด-แปซิฟิก รักษาความมั่นคงและพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองมานานกว่า 70 ปี
รัฐบาลสหรัฐฯ ยังร่วมมือกับพันธมิตรและคู่ค้า ในการรักษากฎและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ ภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ทำให้สหรัฐฯ มีส่วนร่วมกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก มากกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งเราได้หลอมรวมศักยภาพใหม่ๆ และความเป็นผู้นำเข้าสู่เครือข่ายพันธมิตรระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้
ประเด็นสำคัญ:
• นาง "กมลา แฮร์ริส" รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ย้ำถึงพันธสัญญาของสหรัฐฯ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความเป็นหุ้นส่วนอย่างทั่วถึงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
• นาง "กมลา แฮร์ริส" กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินโดแปซิฟิกมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อสหรัฐฯ และระบุว่าสหรัฐฯ มี ‘พันธสัญญาทางเศรษฐกิจที่ยืนยงต่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยจะคงอยู่ยาวนานไม่เพียงแค่หลายปี แต่จะยาวนานไปอีกหลายทศวรรษ’ และ ‘สหรัฐฯ จะไม่ห่างหายไปไหน’
• รัฐบาลภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ได้ริเริ่มแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ หลายประการ หนึ่งในนั้นคือ ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศยุทธศาสตร์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรม ความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน พลังงานที่สะอาด และการต่อต้านคอร์รัปชั่น นอกจากนี้สหรัฐฯ และญี่ปุ่นยังได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการค้าดิจิทัล ซึ่งครอบคลุมกระบวนการทางธุรกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ส และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
• นางแฮร์ริสยืนยันว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา พร้อมกับเรียกร้องให้ภาคเอกชนช่วยกันสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
• นางแฮร์ริสกล่าวว่าประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก จะได้รับประโยชน์จาก กฎหมายว่าด้วยชิปส์และวิทยาศาสตร์ (US Chips and Science Act) และกฎหมายว่าด้วยการลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) เพราะความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ย่อมส่งผลดีต่อทั้งภูมิภาค รองประธานาธิบดีแฮร์ริสกล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดมั่นในความพยายามที่จะเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการเคลื่อนย้ายทุนอยางเสรี พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
APEC 2022
วันนี้( 18 พ.ย.65) เวลา 13.50 น. ณ ห้องประชุม Plenary Hall 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษในช่วงอาหารกลางวัน ภายใต้หัวข้อ “การส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ครอบคลุม ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤติเงินเฟ้อ” โดยภายหลังเสร็จสิ้น นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญจากการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงรายงานภาพรวมเศรษฐกิจโลกของ IMF ประจำปี 2565 ซึ่งคาดการณ์ว่า การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจากนี้จนถึงปี 2566 จะชะลอตัว ระดับเงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วและเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาในทิศทางและระดับที่ต่างกัน ตลอดจนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทำให้ช่องว่างของความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนยิ่งกว้างขึ้น
โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า การสร้างการเติบโตหลังโควิด-19 ที่ครอบคลุมและยั่งยืนมากขึ้น จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการบรรเทาผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง และช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับรากฐานทางเศรษฐกิจและสังคม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังและแลกเปลี่ยนมุมมองร่วมกับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและแขกพิเศษ เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมท่ามกลางสภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงแนวทางเพิ่มพูนความร่วมมือเพื่อลดช่องว่างการพัฒนา และความเหลื่อมล้ำภายในและระหว่างเขตเศรษฐกิจ
โดยภายหลังการแลกเปลี่ยนมุมมองของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและแขกพิเศษ นายกรัฐมนตรีกล่าวสรุปการหารือ โดยผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและแขกพิเศษ เห็นพ้องกันว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ ยังมีปัจจัยบวกจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และการค้าการลงทุนที่คำนึงถึงความสมดุลระหว่างธุรกิจกับสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงการกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปสู่คนทุกกลุ่ม รวมถึงการขจัดความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน เพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นความจำเป็นในการพัฒนาเครือข่ายรองรับทางสังคม การส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจของ MSMEs ส่งเสริมบทบาทของสตรี รวมถึงการสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การหารือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นการส่งเสริมความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างกัน ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ท้าทาย
ที่มา รัฐบาล
ภาพจาก TNN Online
TNNONLINE
นาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ในนามคนไทยผมขอชื่นชมรัฐบาลไทยและประเทศไทยของเรา รวมถึงคนไทยทุกคนครับ ในการร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 (APEC 2022 Thailand) ผมมีโอกาสได้ร่วมงานเลี้ยงในโอกาสที่ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM Gala Dinner) ณ หอประชุมกองทัพเรือ
และในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมภูมิใจในความเป็นชาติไทย ผมดีใจครับที่ได้เห็นผู้นำเเต่ละประเทศชื่นชมในรสชาติเเละความสวยงามของอาหารไทย เเละให้ความสนใจกับชุดการแสดงที่อลังการ สวยงาม สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นชาติ และวัฒนธรรมไทย ของเราได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เเพ้ชาติใดในโลก การตกเเต่งสถานที่ ปราณีตเเละงดงาม ประกอบกับบรรยากาศริมเเม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้งานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อวานนี้เป็นไปเป็นอย่างสวยงามเเละอบอุ่นมากครับ นี่ละครับ soft power ของคนไทย ขอให้ภูมิใจในความเป็นชาติไทยของเรา
TNNONLINE
วันนี้ (18 พ.ย.65) เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ได้กล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “ทิศทางวิกฤตการณ์โลก” โดยได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ กลับมาเคารพกฎระเบียบระหว่างประเทศ และสนับสนุนกลไกพหุภาคีเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลก
นายมาครง ระบุว่า โลกได้มาถึงจุดเปลี่ยนอันเนื่องมาจากวิกฤต 3 ประการ ได้แก่
1.ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ต่อเนื่องหลังจากการระบาดของโควิด-19 และนำไปสู่วิกฤตทางอาหารและพลังงาน
2.การเผชิญหน้ากันของประเทศมหาอำนาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระเบียบโลก การค้าและการลงทุน
3.การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความท้าทายและยังเป็นโอกาสสำหรับโลกและผู้นำธุรกิจที่จะร่วมมือกันสร้างความเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ นายมาครงยังได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ดำเนินการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมเพื่อจัดการกับความไม่เท่าเทียมและความไร้เสถียรภาพ และเพื่อป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จำเป็นจะต้องสร้างเสถียรภาพและความสมดุลใหม่ให้เกิดขึ้นในภูมิภาค พร้อมทั้งเสนอให้สร้างความสมดุลอย่างมีพลวัต ซึ่งจะเป็นหนทางที่ทำให้ประเทศต่างๆ ไม่ถูกประเทศมหาอำนาจบังคับให้เลือกข้าง
ส่วนด้านนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจในภูมิภาคแปซิฟิกที่น่าภูมิใจ และมีฐานประโยชน์สำคัญในการส่งเสริมให้ภูมิภาคมีความเปิดกว้าง เชื่อมโยงถึงกัน มั่งคั่ง มั่นคงและยืดหยุ่น โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเธอเข้ารับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้เสริมสร้างความเข้มแข็งในกลุ่มพันธมิตรและคู่ค้าทั่วภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ทั้งยังได้ยกระดับข้อตกลงด้านการป้องกันและยับยั้ง ช่วยให้อินโด-แปซิฟิก รักษาความมั่นคงและพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองมานานกว่า 70 ปี
รัฐบาลสหรัฐฯ ยังร่วมมือกับพันธมิตรและคู่ค้า ในการรักษากฎและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ ภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ทำให้สหรัฐฯ มีส่วนร่วมกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก มากกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งเราได้หลอมรวมศักยภาพใหม่ๆ และความเป็นผู้นำเข้าสู่เครือข่ายพันธมิตรระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้
ด้าน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ระบุว่าขณะนี้ โลกกำลังยืนอยู่บนทางแยกของประวัติศาสตร์อีกครั้ง และเอเชียแปซิฟิกมีความสำคัญและมีบทบาทโดดเด่นมากขึ้น พร้อมทั้งให้คำแนะนำในประการต่างๆ ดังนี้
ประการแรก คือ การปกป้องความยุติธรรมระหว่างประเทศ และสร้างสันติภาพและความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก
ประการที่สอง คือ ยึดมั่นในความเปิดกว้างและการรวมกลุ่ม และสร้างความมั่งคั่งร่วมกันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ประการที่สาม คือ ยึดมั่นในการพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ และสร้างเอเชียแปซิฟิกที่สะอาดและสวยงาม
ประการที่สี่ คือ เราต้องยึดมั่นในโชคชะตาร่วมกันและสร้างเอเชียแปซิฟิกที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน
ทั้งหมดเป็นความเคลื่อนไหวของบรรดาผู้นำเขตเศรษฐกิจต่างๆ ที่มาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 29 ส่วนพรุ่งนี้จะร่วมหารือกันอย่างเป็นทางการ เพื่อหาบทสรุปร่วมกันในการประชุมเอเปค 2022
ภาพ TNN Online , Thaigov
วารินทร์ สัจเดว ผู้สื่อข่าวต่างประเทศจาก TNN ได้ถามคำถามต่อบลิงเคนว่า การประชุมสุดยอดเอเปค จัดขึ้นท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในรัสเซีย และยูเครน รวมถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ-จีน และสหรัฐฯ เองก็มีเป้าหมายผลักดันวาระความยั่งยืน และความครอบคลุม ทั้งนี้สหรัฐฯ มีความคาดหวัง และมองโลกในแง่ดีแค่ไหน ที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ท่ามกลางสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
บลิงเคน ได้ตอบคำถามประเด็นดังกล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายในช่วงเวลานี้ เรารู้ว่าเราไม่สามารถที่จะรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เพียงคนเดียว จึงต้องมีความพิเศษในด้านการร่วมมือ และประสานงานมากขึ้นกับประเทศอื่น ๆ มากกว่าที่เคยเป็นมา และนั่นทำให้การรวมกลุ่ม องค์กร สถาบันต่าง ๆ อย่าง ‘เอเปค’ มีความพิเศษมากขึ้น มีความสำคัญมากกว่าสิ่งที่เคยมี เพราะการจะต้องรับมือกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง, สุขภาพโลก, ความไม่มั่นคงทางอาหาร เราต้องทำสิ่งนี้ร่วมกัน และหาเส้นทางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม เพื่อทำให้มั่นใจว่า ทุกคนจะเคียงข้างไปด้วยกัน และสร้างโอกาสที่แท้จริงในอนาคต
“ความสนใจของเรา, พลังงานของเรา และความมุ่งมั่นของเรา คือการดำเนินการตามวาระที่รับรองเพื่อคนอเมริกัน และคนทั่วโลก เพื่อจัดการความท้าทายทั้งหมดที่เรากำลังเผชิญ เช่นเดียวกับการพยายามสร้างโอกาสบางอย่างแก่พวกเขา และทำให้เกิดขึ้นจริงกับชาวอเมริกัน ตลอดจนคนทั่วโลก” บลิงเคน กล่าว
ขณะที่ สื่อต่างชาติอย่าง The Wall Street Journal ถามเกี่ยวกับประเด็นถึงจุดยืนด้านความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ, โปแลนด์, ชาติสมาชิกนาโต หลังเกิดเหตุขีปนาวุธตกลงที่โปแลนด์ และมีการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อประเด็นดังกล่าว
โดยบลิงเคน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น รัฐบาลโปแลนด์กำลังดำเนินการตรวจสอบ และสหรัฐฯ ได้ชมเชยพวกเขาต่อการดำเนินการที่เป็นมืออาชีพ และมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก เราไม่ต้องการก้าวล้ำการทำงานในเรื่องนี้ ทุกคนยังคงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดอยู่ เราจะประเมินสถานการณ์ และแบ่งปันข้อมูลต่อไป
ส่วนทางด้าน Nikkei Asia ได้ถามถึงประเด็นการเป็นเจ้าภาพเอเปคของหสรัฐฯ ในปีหน้า ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่า การเป็นเจ้าภาพของไทยปีนี้ ก็เผชิญกับความยากลำบากในการที่จะบรรลุฉันทามติ จากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมือง ทั้งนี้ สหรัฐฯ จะจัดการอย่างไรต่อข้อกังวลว่า กลุ่มอาจจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้น
บลิงเคน เผยว่า ในที่ประชุมเห็นพ้องต่อประเด็นที่สำคัญต่อชีวิตของประชาชนเป็นหลัก และงานที่เราทำร่วมกันจะปรากฎที่ตรงนี้ เรากำลังร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างภูมิภาคที่เสรี, เปิดกว้าง และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
ส่วนทางด้าน Reuters ได้ถามถึงประเด็นเกี่ยวกับการปล่อยตัวนักโทษเมียนมา ซึ่งรวมถึงที่ปรึกษาคนสนิทของออง ซาน ซูจี บลิงเคน ระบุว่า ยินดีและขอบคุณทุกฝ่ายรวมถึงไทย ที่ทำให้นักโทษการเมืองต่างชาติ ได้รับการปล่อยตัว โดยความมั่นคงและปลอดภัยของชาวอเมริกันนับเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญมากที่สุด
ทั้งนี้ บลิงเคน ยังได้ประณามรัสเซีย ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้โลกเผชิญปัญหา และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะเปิดเส้นทางให้สามารถลำเลียงอาหารได้ แต่การจู่โจมยังไม่สิ้นสุดขณะที่โลกต้องช่วยเหลือยูเครน และชี้ว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย ส่งผลกระทบต่อพลังงาน และอาหารในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งอเมริกาจะยังคงยืนหยัดช่วยเหลือในการแก้ปัญหาความท้าทายต่าง ๆ
“ประชาชนทุกแง่มุมของเศรษฐกิจกำลังเผชิญความยากลำบากจากความท้าทายทางเศรษฐกิจทั่วโลก ที่หนักขึ้นจากสงครามของรัสเซีย ในการจัดการผลกระทบที่ตามมาเหล่านนี้ร่วมกัน จึงกลายเป็นหัวข้อหลักของการประชุมครั้งนี้ที่กรุงเทพฯ และไทยกำลังแสดงความเป็นผู้นำศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเอเปคผ่านช่วงเวลาที่ท้าทาย และยังพิจารณาถึงวิกฤตในปัจจุบัน ไปจนถึงจุดอ่อนของระบบ ที่เราต้องจัดการร่วมกัน” บลิงเคน กล่าว
นอกจากนี้ บลิงเคนยังได้ชูนโยบาย BCG ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มที่เกิดขึ้นจากไทยในการประชุมเอเปค เน้นมุ่งสร้างความยั่งยืนทั้งทางเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของการหารือ และนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม สหรัฐฯ พร้อมให้การสนับสนุน และมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความเป็นผู้นำของไทยในด้านเหล่านี้ ตลอดจนด้านอื่น ๆ เพื่อรับช่วงต่อในการเป็นเจ้าภาพเอเปค 2023
TNNONLINE
นายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งฝรั่งเศส ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเรื่อง “ทิศทางวิกฤตการณ์โลก” ในเวทีการประชุมเอเปค ซีอีโอ ซัมมิท 2022 ว่า ในปัจจุบันโลกมาถึงจุดเปลี่ยนอันเนื่องจากวิกฤต 3 ประการ กล่าวคือ 1. สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากการระบาดของโควิด – 19 ทำให้ขยายไปสู่วิกฤตระดับโลก ซึ่งสงครามที่เกิดขึ้นเป็นการรุกรานที่ละเมิดกฎระเบียบระหว่างประเทศ ส่งผลให้เกิดวิกฤตทางอาหารและพลังงาน ขยายผลกระทบไปทั่วโลก
2. การเผชิญหน้ากันของประเทศมหาอำนาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ขยายไปสู่ความชัดแย้งไปในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งทะเลจีนใต้ ภูมิภาคเกาหลี ส่งผลกระทบต่อระเบียบโลก การค้า และการลงทุน ซึ่งความชัดแย้งระหว่างสหรัฐ กับจีน ผลักให้หลายประเทศตกอยู่ในภาวะที่ต้องเลือกว่าจะอยู่ข้างใด ในขณะที่เราต้องการระเบียบโลกที่เป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้การดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของเราคือการสร้างความสมดุลอย่างมีพลวัต ซึ่งแม้ว่าเราแข่งขันกันและต่างปรารถนาที่จะชนะ แต่เราจะต้องเคารพอธิปไตยของกันและกัน
3. การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับโลกและผู้นำธุรกิจ ที่จะร่วมมือกันสร้างความเปลี่ยนแปลง ทำให้สหภาพยุโรปได้ออกกฎหมายเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งจะมีกฎกติกาที่เข้มงวด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือ 0 ภายในปี 2593
โดย ระบบทุนนิยมต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งในด้านการทำธุรกิจ และความยั่งยืน ซึ่งความท้าทายของเราก็คือ การสร้างการเติบโต ขยายการลงทุน และการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้นำธุรกิจต้องตระหนักว่าตนเองเป็นหนึ่งในพลโลกด้วย ไม่ได้เพียงการแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ นายมาครงเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ดำเนินการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม เพื่อจัดการกับความไม่เท่าเทียมและความไร้เสถียรภาพ ดังนั้นทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐกับเอกชน ที่ต้องกำหนดกฎกติกา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความขัดแย้งใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น จำเป็นจะต้องสร้างเสถียรภาพ และความสมดุลใหม่ให้เกิดขึ้นในภูมิภาค คือหนทางที่จะทำให้ประเทศต่าง ๆ ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์บังคับให้ต้องเลือกข้างระหว่างมหาอำนาจแต่ละฝ่าย
TNNONLINE
นายกรัฐมนตรี รับเสด็จเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ 17 พฤศจิกายน 2565
รัฐบาลไทย
APEC 2022 บช.น.แจ้งเลี่ยงเส้นทางประชุมเอเปควันนี้ 18 พ.ย. 2565 เวลา 07.30 ถึง 21.00 น. มีเส้นทางไหนบ้าง?
วันนี้ (18 พ.ย.65) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเอเปค ครั้งที่ 29 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบภารกิจการรักษาความปลอดภัยและจัดการจราจรให้แก่ผู้นำประเทศ และผู้เข้าร่วมประชุม เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติในการจัดการจราจรดังกล่าว
จึงมีความจำเป็นต้องปิดการจราจร ในบางเส้นทาง และบางช่วงบางเวลา จึงอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางของพี่น้องประชาชนในเส้นทางที่เกี่ยวข้อง จึงแจ้งมาเพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมความพร้อมและวางแผนการเดินทาง ดังนี้
วันที่ 18 พ.ย.2565 ช่วงเวลา 07.30 - 09.30 น. และเวลา 15.30 - 16.30 น.
เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบ
เส้นทาง (พื้นราบ)
1) ถ.เพลินจิต (แยกราชประสงค์ - แยกเพลินจิต)
2) ถ.สุขุมวิท (แยกเพลินจิต - ซอยสุขุมวิท 22)
3) ถ.ราชดำริ (แยกราชประสงค์ - แยกศาลาแดง)
4) ถ.วิทยุ (แยกเพลินจิต - แยกวิทยุ)
5) ถ.ดวงพิทักษ์ (ตลอดสาย)
6) ถ.รัชดาฯ (แยกอโศกมนตรี - แยกพระราม4)
7) ถ.พระราม4 (แยกศาลาแดง - แยกพระราม 4)
8) ถ.สาทร (แยกวิทยุ - แยกนรินธร)
เส้นทางบนทางด่วน
1) ทางขึ้นด่วนสุรวงศ์ / ทางลงด่วนสีลม
2) ต่างระดับพญาไท - ต่างระดับมักกะสัน
3) ต่างระดับมักกะสัน - ด่วนเพลินจิต ทางขึ้น/ลง ด่วนพระราม 4-2
เส้นทางแนะนำประชาชน
1) ถ.เพชรบุรี
2) ถ.พญาไท
3) ถ.อังรีดูนังต์
4) ถ.สีลม
5) ถ.นราธิวาสฯ
6) ถ.จันทน์
7) ถ.สุนทรโกษา
8) ซอยทองหล่อ
9) ซอยเอกม
10) ซอยสุขุมวิท 24
11) ซอยแสนสบาย
12) ซอยกล้วยน้ำไท
วันศุกร์ที่ 18 พ.ย.2565 ช่วงเวลา 16.30 - 21.00 น.
เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบ
เส้นทาง (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนพระราม 4-2
1) ถ.เพลินจิต (แยกราชประสงค์ - แยกเพลินจิต )
2) ถ.สุขุมวิท (แยกเพลินจิต - ซอยสุขุมวิท 22 )
3) ถ.ราชดำริ (แยกราชประสงค์ - แยกศาลาแดง)
4) ถ.วิทยุ (แยกเพลินจิต - แยกวิทยุ)
5) ถ.ดวงพิทักษ์ (ตลอดสาย)
6) ถ.รัชดาฯ (แยกอโศกมนตรี - แยกพระราม4)
7) ถ.พระราม4 (แยกศาลาแดง - แยกพระราม 4)
8) ถ.สาทร (แยกวิทยุ - แยกนรินธร)
เส้นทาง (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนยมราช
1) ถ.เพชรบุรี (แยกอุรุพงษ์ - แยกยมราช )
2) ถ.พิษณุโลก (แยกยมราช - แยกสวนมิสกวัน )
3) ถ.ราชดำเนินตลอดสาย (แยกสวนมิสกวัน - แยกผ่านฟ้า - แยกผ่านพิภพ - แยกป้อมเผด็จ)
4) ถ.หน้าพระลาน (ตลอดสาย)
5) ถ.หน้าพระธาตุ (ตลอดสาย)
6) ถ.มหาราช (แยกท่าช้าง - แยกท่าเตียน)
7) ถ.ท้ายวัง (ตลอดสาย)
8) ถ.สนามไชย (แยก นรด. - แยกป้อมเผด็จ)
9) สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
เส้นทางด่วน
1) ทางขึ้นด่วนสุรวงศ์
2) ทางลงด่วนสีลม
3) ทางลงด่วนอุรุพงษ์
4) ทางขึ้น/ลงด่วนยมราช
5) ต่างระดับพญาไท - ต่างระดับมักกะสัน
6) ทางขึ้น/ลงด่วนเพลินจิต
7) ทางขึ้น/ลงด่วนพระราม 4/2
เส้นทางแนะนำประชาชน
เส้นทาง (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนพระราม 4/2
1) ถ.เพชรบุรี
2) ถ.พญาไท
3) ถ.อังรีดูนังต์
4) ถ.สีลม
5) ถ.นราธิวาสฯ
6) ถ.จันทน์
7) ถ.สุนทรโกษา
8) ซอยทองหล่อ
9) ซอยเอกมัย
10) ซอยสุขุมวิท 24
11) ซอยแสนสบาย
12) ซอยกล้วยน้ำไท
เส้นทาง (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนยมราช
1) ถ.ราชวิถี
2) ถ.ศรีอยุธยา
3) ถ.กรุงเกษม
4) ถ.ประชาธิปไตย
5) ถ.พระสุเมรุ
6) ถ.ดินสอ
7) ถ.ตะนาว
8) ถ.บำรุงเมือง
9) ถ.หลานหลวง
10) ถ.จักรวรรดิ
11) ถ.เจริญกรุง
12) ถ.เยาวราช
13) ถ.จรัญสนิทวงศ์
14) ถ.พรานนก
15) ถ.อิสรภาพ
16) ถ.ประชาธิปก
17) ถ.กรุงธนบุรี
18) สะพานซังฮี้
19) สะพานพระพุทธยอดฟ้า
20) สะพานพระปกเกล้า
บช.น. ขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อมวางแผนในการเดินทาง และขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว
ทั้งนี้ บช.น. ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในภาพรวม เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด.
ภาพ : กองบัญชาการตำรวจนครบาล - บช.น.
กรมเจ้าท่า ออกประกาศ ควบคุมการเดินเรือใน แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นการเฉพาะคราว โดยแจ้งว่า เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการจราจรทางน้ำ และสนับสนุนการรักษาความปลอดภัย ให้คณะผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค อธิบดีกรมเจ้าทำ ในฐานะ "เจ้าท่า" อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2520 จึงประกาศกำหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ เป็นการเฉพาะคราว โดย "ห้ามเดินเรือ" ในพื้นที่ดังต่อไปนี้
1.พื้นที่ควบคุมการเดินเรือ "ห้ามเดินเรือ" ในแม่น้ำเจ้าพระยา
-ด้านทิศเหนือ สถานทูตฝรั่งเศส เขตบางรัก กทม.
-ด้านทิศใต้ สะพานตากสิน เขตบางรัก กทม.
2.คำสั่งจราจรทางน้ำและกำหนดเส้นทางเดินเรือ
ระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ตั้งแต่เวลา 21.00 น. ถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา 06.00 น. ห้ามเรือทุกลำที่เดินเรือผ่านในพื้นที่ควบคุมการเดินเรือในข้อ 1
3. คำเตือน
ผู้ประกอบกิจการ เจ้าของเรือ ผู้ครอบครองทำเรือ และผู้ควบคุมเรือ ต้องปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมีความผิดต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 500-5,000 บาท และให้เจ้าท่ามีอำนาจสั่งยึดประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือมีกำหนดไม่เกิน 6 เดือน
ที่มา กรมเจ้าท่า
ภาพจาก APEC 2022 Thailand / AFP
TNNONLINE
APEC 2022 ชาวนครศรีธรรมราชภูมิใจอัญมณีรสเลิศ "ส้มโอทับทิมสยาม" ได้รับการคัดเลือกให้เป็น หนึ่งในผลไม้ขึ้นโต๊ะเลี้ยงรับรอง คณะผู้นำประเทศที่จะเข้าร่วมประชุมเอเปค 2022
"ส้มโอทับทิมสยาม" ผลไม้อันเลื่องชื่อของ จังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกยกให้เป็น ”อัญมณี กินได้” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จาก กรมทรัพย์สินทางปัญญา และเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับการคัดสรรจากทั่วประเทศ เพื่อเลี้ยงรับรองผู้นำประเทศที่เข้าร่วมประชุมเอเปค โดยส้มโอทับทิมสยามที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ มาจาก "สวนคำสิงห์" ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
นายโสภิต สิงห์บุญ เจ้าของสวน เปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่ผลไม้ของจังหวัดได้เป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับผู้นำประเทศที่เข้าร่วมประชุมเอเปค เชื่อว่าเหตุผลที่ได้รับการคัดเลือก เนื่องจากส้มโอที่สวน ปลูกแบบปลอดสารพิษ เนื้อแดงเข้มคล้ายทับทิม รสชาติหวานฉ่ำรูปผลมีจุกหัวแหลม เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น และได้รับมาตรฐาน GAP
สำหรับส้มโอทับทิมสยาม เดิมเป็นส้มโอพันธุ์พูโก หรือ ปูโก พืชท้องถิ่นในพื้นที่ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี โดยได้นำมาปลูกครั้งแรกในพื้นที่ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งด้วยสภาพของดินที่ดี มีธาตุแคลเซียมสูง
ทำให้ให้รสชาติเดิมที่มีรสขม กลับมีรสชาติดี หวานอร่อย เนื้อแดงจัด และผลโต ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกว่า 3,000 ไร่ นำรายได้เข้าประเทศ ปีละกว่า 1,000 ล้านบาท โดยตลาดส่วนใหญ่ส่งออกไปยังประเทศจีน และจำหน่ายภายในประเทศ
แต่จากการที่รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ ได้เปิดโอกาสให้สินค้าชุมชน เป็นทูตทางวัฒนธรรมด้านอาหารในการประชุมเอเปค 2022 เชื่อว่า จะทำให้ "ส้มโอทับทิมสยาม" เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อดีในการเพิ่มช่องทางการตลาด และกระตุ้นให้เกษตรกรพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น.
ภาพ : ผู้สื่อข่าว จ.นครศรีธรรมราช
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้การ ต้อนรับผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปคที่เข้าร่วมการประชุมผู้นําเขตเศรษฐกิจ ครั้งที่ 29 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรี ออสเตรเลีย /สมเด็จพระราชาธิบดี พระองค์ที่ 29 และนายกรัฐมนตรีสมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ อิบนี อัล-มาร์ฮุม ซุลตัน ฮาจี โอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน ซาอาดุล ไครี วัดดิน บรูไนดารุสซาลาม/นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรี แคนาดา/นายกาบริเอล โบริก ฟอนต์ ประธานาธิบดีชิลี / นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา/ นายสีจิ้น ผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น
จากนั้น ได้เป็นประธานเปิดการประชุม และร่วมการประชุม ภายใต้หัวข้อ “การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth)”
นายกรัฐมนตรี หวังว่า ผู้นำทุกประเทศมีความสุขกับค่ำคืนงานเลี้ยงรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจที่ทางประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา และทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งประเทศไทยเป็นเกียรติที่ได้เป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมในครั้งนี้ หลังจากที่ไม่ได้พบหน้ากันถึง 4 ปี และการประชุมเอเปคต่อจากนี้ จะเป็นการร่วมมือกันฟื้นฟูและนำพาภูมิภาคนี้ไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น
สำหรับการหารือในวันนี้ จะหารือกันว่าเอเปคควรทำอย่างไร เพื่อจะเปลี่ยนผ่านไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน จนถึงปัจจุบันยังต้องต่อสู้กับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และถูกซ้ำเติมจากความท้าทายของสถานการณ์โลก ที่สำคัญยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบ ไม่ใช่แค่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงมนุษยชาติทั้งหมด จึงจำเป็นต้องร่วมมือกันบรรเทาผลกระทบและปกป้องโลกของเรา โดยไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกต่อไป ดังนั้น ทุกคนจะต้องปรับมุม วิธีการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจแบบใหม่
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าประเทศไทยได้นำแนวคิดเศรษฐกิจBCG ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติมาเป็นยุทธศาสตร์ ในการฟื้นฟูจากผลกระทบ โควิด-19 และเป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนา และการเติบโตในระยะยาว ที่เข้มแข็ง สมดุล ยั่งยืนและครอบคลุม
โดยย้ำว่าเศรษฐกิจBCG จะประสานแนวคิดเศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวเข้าด้วยกัน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อที่จะสร้างคุณค่าเพิ่มประสิทธิภาพ ในการใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย
เศรษฐกิจชีวภาพ เกี่ยวข้องกับการผลิตที่เน้นการนำเทคโนโลยีนวัตกรรม มาสร้างมูลค่าเพิ่มกับสินค้า ที่เป็นทรัพยากร และวัตถุดิบชีวภาพ ที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดไป
สำหรับเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นระบบการผลิตและการบริโภคสินค้า บริการแบบฟื้นสร้าง โดยมีการวางแผนและการออกแบบระบบ ให้ความสำคัญกับการลดขยะ ในขณะเดียวกัน ต้องพยายามใช้วัตถุดิบซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนเศรษฐกิจสีเขียว คือการส่งเสริมพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบ และแนวคิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างผลกำไรควบคู่กับการสร้างสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืนและสังคมด้วย โดยแนวทางทั้งสาม ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้แนวคิดเศรษฐกิจBCG แตกต่างออกไปคือการตระหนักว่าความท้าทาย หลากหลายที่ผสมอยู่ เชื่อมโยงคาบเกี่ยวกัน ดังนั้นการแก้ปัญหา จึงจะต้องไม่เป็นแบบแยกส่วน ด้วยเหตุนี้เศรษฐกิจBCG จึงให้ความสำคัญ และไทยผลักดันสามแนวทางดังกล่าวอย่างเป็นองค์รวม เพื่อเป็นผลลัพธ์ที่มีผลทวีคูณและหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ได้อย่างเสียอย่าง
นายกรัฐมนตรี หวังว่าการสร้างความร่วมมือและการมีความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจBCG เป็นรูปธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และฟื้นความสมดุล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นไทยเชื่อว่าแนวคิดเศรษฐกิจBCG มีความเป็นสากล
ดังนั้นการที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเปค ไทยจึงขอเสนอแนวคิดนี้ เข้าสู่การพูดคุยกันในกรอบการประชุม ไม่ว่าจะเป็นแนวทาง การบรรลุเป้าหมาย ด้านความยั่งยืนและสภาพพูมิอากาศ และทำให้ความพยายามของเอเปคในการขับเคลื่อนภูมิภาคไปข้างหน้า ตอบสนองความท้าทาย ที่เร่งด่วนในปัจจุ บัน บนพื้นฐานของแนวคิดเศรษฐกิจBCG
ไทยยังได้ ริเริ่มการจัดทำเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เพื่อเป็นผลลัพธ์แห่งความจดจำ สำหรับการประชุมเอเปค 2565 โดยเป้าหมายกรุงเทพฯ จะเป็นกรอบแนวทาง ผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของเอเปคอย่างชัดเจน พลิกโฉม สมดุล และ ทะเยอทะยาน โดยมุ่งหวัง ขับเคลื่อนงานภายใต้ 4 เป้าหมายได้แก่
1.สนับสนุนความพยายาม การเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ 2.ขับเคลื่อนการค้าการลงทุนอย่างยั่งยืน 3.ผลักดันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ 4. ปรับปรุงประสิทธิภาพ การใช้ทรัพยากรเพื่อลดขยะให้เป็นศูนย์
ดังนั้น ไทยจึงขอขอบคุณที่ผู้นำเศรษฐกิจ ที่จะสนับสนุนเป้าหมาย กรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจBCG จนบรรลุฉันทามติด้วยดี และหวังว่า ผู้นำทุกคนจะได้ ร่วมกันรับรองเอกสารสำคัญดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นมรดกสำคัญของการประชุมเอเปค ประจำปี 2565 เพื่อต่อยอดเป้าหมายกรุงเทพฯ จึงอยากเสนอให้ทุกคนหารือกันว่า แนวคิดเศรษฐกิจ BCG จะสามารถแปลงวิสัยทัศน์และทิศทางตามที่ระบุไว้ในวิสัยทัศน์ปุตราจายา ของเอเปค ค.ศ. 2040 และแผนปฎิบัติการ ROTROR ไปสู่การดำเนินการที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเจริญเติบโตที่ยั่งยืน สำหรับคนรุ่นหลัง ดังนั้นเอเปคต้องมองให้ไกล กว่าการฟื้นตัวของการระบาด โควิด-19 ไปสู่การฟื้นสร้างสภาพแวดล้อมให้มีความยืดหยุ่น และเอื้อต่อการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน ในฐานะกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจชั้นนำของเราและ แหล่งบ่มเพาะทางความคิด โดย เอเปคจะเร่งสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพ เอื้อประโยชน์ทุกคนอย่างเป็นรูปธรรมแก่ทุกคนในระยะยาว แล้วเราจะร่วมมือให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร เพื่อจูงใจให้ภาคธุรกิจ ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และเราจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชน ของเราปรับมุมมองและเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นผู้บริโภค และพลเมืองของโลกที่มีความรับผิดชอบ ได้อย่างไร จึงขอรับฟังความคิดเห็นของผู้นำเศรษฐกิจทุกท่าน
สำหรับตลอดทั้งวันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังจะหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปคกับ แขกพิเศษ (APEC Leaders’ Informal Dialogue with Guests) ภายใต้หัวข้อ“การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนระหว่างเอเปคกับหุ้นสว่น ด้านการค้า ประกอบด้วยประเทศฝรั่งเศส กัมพูชาและซาอุดิอาระเบีย
นอกจากนี้ นายกฯจะหารือทวิภาคีกับ Ms. Kristalina Georgieva กรรมการจัดการกองทุนกํารเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF
จากนั้นจะเป็นการหารือระหว่างอาหารกลางวันระหว่างผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปค กับแขกพิเศษ(WorkingLunch)ภายใต้หัวข้อ“การส่งเสรมิการ เจริญเติบโตที่ครอบคลุมในช่วงเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤติเงินเฟ้อ”
ส่วนช่วงบ่าย เป็นการการหารือระหว่างผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษา ทางธุรกิจเอเปค หรือ ABAC (เอแบค) โดย
ช่วงหารือเต็มคณะ ABAC Chair จะนำเสนอรายงานประจำปีต่อผู้นำ
เขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งนายกฯจะกล่าวตอบเกี่ยวกับความคาดหวัง และแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสร้าง การเจริญ เติบโตที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม
ต่อด้วยการหารือกลุ่มย่อย แบ่งออกเป็น 5กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบด้วย ผู้นำ 4 เขต เศรษฐกิจ และผู้แทน ABAC 10 คน โดยแต่ละกลุ่มหารือในหัวข้อ เดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะเดินรับฟังผลสรุปแต่ละกลุ่ม
TNNONLINE
กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมนำเสนอ Soft Power ผ่านการร้อยเรียงวัฒนธรรมไทย ถ่ายทอดในรูปแบบการแสดงประเพณีดั้งเดิม และการแสดงร่วมสมัย ในงานเลี้ยงรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022
เมื่อช่วงค่ำ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM Gala Dinner) โดยมีผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค คณะรัฐมนตรี ผู้บริหาร และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วม
ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม มีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วม
ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้รับมอบหมายให้จัดการแสดงทางวัฒนธรรมในงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำสำหรับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในครั้งนี้
กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมนำเสนอ Soft Power ผ่านการร้อยเรียงวัฒนธรรมไทย ถ่ายทอดในรูปแบบการแสดงประเพณีดั้งเดิม และการแสดงร่วมสมัย ในงานเลี้ยงรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 ผ่านการแสดงแสง สี เสียง อันเกี่ยวเนื่องกับ "สายน้ำ" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเชื่อมโยงทุกเขตเศรษฐกิจเข้าด้วยกันสู่ความสมดุล อาทิ ลอยกระทง ลอยกระทงสาย และไหลเรือไฟ พร้อมการแสดงโขน การแสดงหนังใหญ่ การแสดงหุ่นละครเล็ก การแสดงพื้นบ้าน งานฝีมือ สาธิตทำขนมไทย และเรื่องของการละเล่นต่างๆ ของไทย ณ หอประชุมกองทัพเรือ
ภาพจาก Thaigov
TNNONLINE
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC ครั้งที่ 29 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีผู้นำในเขตเศรษฐกิจเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดีน วัดเลาะห์ สุลต่านแห่งบรูไน ในฐานะนายกรัฐมนตรีบรูไน นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนนาดา นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีเขตพิเศษของรัฐบาล ได้แก่ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บินอับดุลอะซีซ อาลซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
นายกรัฐมนตรี ยังได้เป็นประธานเปิดการประชุม และหารือในหัวข้อ "การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน" เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การเจริญเติยบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืนจนถึงปัจจุบัน หลังต้องต่อสู้กับวิกฤตทางเศรษฐกิจ จากโควิด-19 รวมถึงความท้าทายจากสถานการณ์โลก จึงมีความจพเป็นที่ทุกคน จะต้องปรับมุมมอง ใช้วิธีการ และใช้ชีวิตแบบใหม่ พร้อมย้ำว่า แนวคิด BCG ที่ประเทศไทยนำเสนอเป็นวาระแห่งชาติ จะสามารถฟื้นฟูผลกระทบโควิด และเป็นแผนแม่บทสำหรับการเติบโตระยะยาว ที่เข้มแข็ง สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุมทุกมิติ จึงหวังว่าผู้นำทุกเขตเศรษฐกิจ จะร่วมกันให้การรับรอง "เป้าหมายกรุงเทพฯ 2022" เพื่อสร้างความเจริญเติบโต สำหรับคนรุ่นหลัง
โดยกำหนดการสำคัญวันนี้ (18 พ.ย.) นอกจากนายกรัฐมนตรี จะเปิดการประชุม APEC ครั้งที่ 29 แล้ว ยังจะมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำ กับแขกของประธาน APEC เพื่อหารือถึงการส่งเสริมการค้า และการลงทุนที่ยั่งยืน ระหว่าง APEC กับคู่ค้า รวมถึงการหารือระหว่างผู้นำ กับสภาที่ปรึษาทางธุรกิจ APEC
และกำหนดการที่สำคัญในช่วงเย็นวันนี้ (18 พ.ย.) ผู้นำ และตัวแทนจากทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ จะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง
APEC 2022 ประมวลภาพ ผู้นำ เดินทางมาถึงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ภาพ TNNOnline
ประเด็นสำคัญ :
คำปราศรัยของนายสี จิ้นผิง ที่เผยแพร่เป็นลายลักษณ์อักษรในที่ประชุม APEC CEO Summit 2022 ระบุว่าปัจจุบันนี้เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกกำลังเข้าสู่ระยะเวลาสำคัญในการฟื้นฟูหลังการระบาดของโควิด-19 เขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ล้วนเผชิญหน้ากับอุปสรรคนานัปการ เช่น ความชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน ความขาดแคลนอาหารและพลังงาน และสถานการณ์เงินเฟ้อ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องกระชับความร่วมมือ สนับสนุน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก
นายสี จิ้นผิง ให้ข้อเสนอแนะ 6 ประการเพื่อการพัฒนาภูมิภาค อันได้แก่
1. ส่งเสริมรากฐานการพัฒนาที่สันติอย่างหนาแน่น โดยการยึดมั่นในวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ นายสี จิ้นผิงกล่าวด้วยว่า ต้องร่วมกันคัดค้านแนวคิดสงครามเย็นและการปฏิปักษ์ระหว่างเครือข่ายและกลุ่มประเทศต่าง ๆ รวมถึงสร้างโครงสร้างความมั่นคงปลอดภัยของเอเชียแปซิฟิก
2. ยึดมั่นในแนวคิดการพัฒนาที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ
3. สร้างโครงสร้างอันเปิดกว้างที่มีระดับสูงขึ้น ผ่านการผลักดันกระบวนการของเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และการตกลงที่ครอบคลุมความก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP)
4. ส่งเสริมให้มีความเชื่อมโยงที่มีระดับสูงขึ้น นายสี จิ้นผิงกล่าวว่าจีนจะผลักดันข้อริเริ่ม ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของทุกฝ่ายอย่างแข็งขัน
5. สร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานที่มั่นคงและราบรื่น ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบของเศรษฐกิจและยืนหยัดหลักการตลาด ตลอดจนร่วมกันคัดค้านลัทธิเอกภาคีนิยม (unilateralism) ลัทธิอนุรักษ์นิยม (protectionism) และคัดค้านการกระทำที่ทำให้ความสัมพันธ์เศรษฐกิจการค้า กลายเป็นประเด็นการเมืองและประเด็นที่เกี่ยวกับอาวุธ
6. ต้องผลักดันเศรษฐกิจให้อัพเกรดและยกระดับคุณภาพสูงขึ้น นายสี จิ้นผิง เรียกร้องให้ร่วมกันบ่มเพาะโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่าน สู่ความเป็นดิจิทัล และยืนหยัดการพัฒนาแบบสีเขียวและคาร์บอนต่ำ
ในประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นายสี จิ้นผิง ระบุว่าประเทศจีนได้ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนก่อนปี 2060 และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ลดความเข้มข้นของพลังงานรวดเร็วที่สุดในโลก และได้บรรลุเป้าหมายในการลุดความเข้มข้นของการปล่อยคาร์บอน 40-45%
ตัวเลขและสถิติที่น่าสนใจ :
จีนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสะสมไว้เป็นจำนวน 5.8 พันล้านตัน
Quotes :
“ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่ใช่สวนดอกไม้ของใครสักคน ไม่ควรกลายเป็นพื้นที่ถ่วงดุลอำนาจของประเทศใหญ่” – สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน“เอกภาคีนิยม ลัทธิอนุรักษ์นิยม ต้องร่วมกันคัดค้านการกระทำที่ทำให้ความสัมพันธ์เศรษฐกิจการค้ากลายเป็นประเด็นการเมืองและประเด็นที่เกี่ยวกับอาวุธ” – สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
“การเปิดกว้างจะนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้า การปิดกั้นจะทำให้ล้าหลัง ขัดขวางจนทำลายห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานที่มีมาตั้งนานแล้วของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ล่มสลาย ย่อมจะส่งผลให้ความร่วมมือเศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิกเข้าสู่ ‘ทางตัน’ “ – สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
“จีนจะยืดหยัดในการสร้างประชาคมเอเชียแปซิฟิกที่มีอนาคตร่วมกันอย่างแน่นอน สร้างผลประโยชน์มากขึ้นให้กับความมั่นคงและความเจริญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”
– สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
TNNOnline Reuters TNNWorld
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเปิดการประชุม APEC CEO Summit 2022 17 พ.ย.65
APEC CEO Summit เป็นหนึ่งในการรวมตัวของภาคธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และเป็นการกลับมาอีกครั้งของการประชุมในรูปแบบพบหน้า ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกให้แก่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก สะท้อนให้เห็นว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกพร้อมเดินหน้าทำธุรกิจอย่างเต็มที่อีกครั้ง ซึ่งเป็นโอกาสให้ฟื้นฟูความเชื่อมโยง รื้อฟื้นความสัมพันธ์ และสานต่อความร่วมมือระหว่างกัน สำหรับประเด็นสำคัญของเอเปคปีนี้ ซึ่งอยู่บนแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ที่ไทยนำมาเป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาและการเติบโต ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างคุณค่า เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
ประเด็นสำคัญ :
1. APEC CEO Summit เป็นหนึ่งในการรวมตัวของภาคธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และเป็นการกลับมาอีกครั้งของการประชุมในรูปแบบพบหน้า ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกให้แก่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สะท้อนให้เห็นว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกพร้อมเดินหน้าทำธุรกิจอย่างเต็มที่อีกครั้ง ซึ่งเป็นโอกาสให้ฟื้นฟูความเชื่อมโยง รื้อฟื้นความสัมพันธ์ และสานต่อความร่วมมือระหว่างกัน
2. ภาคเอกชนมีบทบาทที่สำคัญอย่างมากในการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ที่ไทยนำมาเป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาและการเติบโต ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างคุณค่า เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
3. นายกฯ ประกาศว่าประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอนาคตอันใกล้
4. ความยั่งยืนเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับปีนี้ 5. ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลก และสภาพภูมิอากาศล้วนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ จึงจำเป็นที่ต้องร่วมมือกันเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ปกป้องสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษ และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
6. วิสาหกิจขนาดย่อย ขนาดย่อม และขนาดกลาง (MSMEs) มีจำนวนมากถึง 98% ของผู้ประกอบการธุรกิจในภูมิภาค ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องส่งเสริมบรรยากาศของการดำเนินธุรกิจและการลงทุนเพื่อช่วยเหลือ MSMEs การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และเอื้อต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เทคโนโลยีดิจิทัล และปัจจัยสนับสนุนอื่น ๆ เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการกลุ่มนี้
7. ไทยผลักดันการเสริมพลังให้กลุ่มสตรี และสนับสนุนการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และการเสริมสร้างความเป็นธรรมทางเพศ ควรได้รับการสนับสนุนในทุกระดับ
8. เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นมิติใหม่ของการสร้างอาชีพ และการเจริญเติบโตในภูมิภาค เอเปคจึงเน้นให้การมุ่งไปสู่ดิจิทัลเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในปีนี้ เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจทั้งในและนอกภูมิภาค โดยร่วมมือกันเพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ซึ่งจะเป็นตัวเร่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญท่ามกลางการฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคระบาด และส่งผลต่อการพัฒนาของภูมิภาคในระยะยาว โดยประเทศไทยจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลที่เป็นปัจจัยในการสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ
9. ปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลมีมูลค่า 14% ของจีดีพี ซึ่งประเทศไทยตั้งเป้าจะขยายให้เป็น 30% ภายในปี 2030
10. ไทยจะเสนอให้ผู้นำเอเปครับรองเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ในปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งจะกำหนดทิศทางของเอเปคไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน สนับสนุนความพยายามในการจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมอากาศ ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน ผลักดันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดขยะให้เป็นศูนย์ ซึ่งความสำเร็จนี้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากภาคเอกชน และการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ภูมิภาคก้าวไปข้างหน้า และเติบโตไปด้วยกันสู่อนาคตที่ยั่งยืน ครอบคลุม และสมดุล โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
"นับเป็นช่วงเวลาสำคัญของประเทศไทยที่ทั่วโลกจะมองมาที่เราในฐานะเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่มีบทบาทนำ ในการร่วมกำหนดนโยบายและบรรทัดฐานทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลก"
“ความร่วมมือที่เข้มแข็งและความมุ่งมั่นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและครอบคลุม”
“ในขณะที่รัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่การปฏิรูปโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและเศรษฐกิจ แต่ท้ายที่สุด ขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ของภาคเอกชนที่จะขับเคลื่อนความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้ก้าวหน้าต่อไป”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
TNNONLINE
Photo Gallery: ‘กมลา แฮร์ริส เดินทางถึงไทยแล้ว’
กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และดั๊ก เอ็มฮัฟฟ์ สุภาพบุรุษหมายเลขสองสหรัฐฯ เดินทางถึงไทยแล้ว ที่สนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่า ระหว่างการเยือนประเทศไทย แฮร์ริสจะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมเอเปค เช่นเดียวกันหรือไม่
POOL / AFP
การประชุม APEC 2022 "นวดแผนไทย" ถือเป็นพลังทางวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งอีกอย่างของไทยในการดึงดูดชาวต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยว
ทางกระทรวงแรงงาน จึงจัดซุ้มนวดไทยฟรีให้สื่อต่างชาติได้ลองใช้บริการ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี ขณะที่วัดโพธิ์ ก็ใช้โอกาสนี้จัด สัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติขึ้น
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการจัดซุ้มบริการนวดไทยและสปาเพื่อสุขภาพ ที่เปิดให้บริการสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งคณะผู้แทนและผู้ติดตามในงานประชุมเอเปค 2022 ว่า มีผู้สนใจต่อแถวไปใช้บริการนวดกันอย่างคับคั่ง เพียง 3 วัน ตั้งแต่ 14-16 พฤศจิกายนมา มีผู้มารับบริการแล้วกว่า 700 คน และสอบถามทุกคนต่างก็มีความประทับใจ ในมาตรฐานฝีมือการนวดของคนไทยที่มีทักษะเฉพาะ ช่วยสร้างสีสันในงานเอเปค
พนักงานนวดทุกคนที่มาให้บริการ ล่วนผ่านมาตรฐานฝีมือแรงงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มีการติวเข้มทั้งการให้บริการ การต้อนรับ และทักษะด้านภาษาอังกฤษสามารถสื่อสารกับผู้มารับบริการที่เป็นชาวต่างชาติ และที่สำคัญเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนต่างชาติรู้จักถึงการนวดแผนไทยแบบโบราณเพื่อบำบัดผ่อนคลาย ซึ่งทั้งหมดเป็นการให้บริการฟรีด้วย
ภาพจาก กระทรวงแรงงาน
สำหรับซุ้มกิจกรรมนวดไทยและสปาเพื่อสุขภาพของกระทรวงแรงงาน ที่ศูนย์สื่อมวลชน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะเปิดไปจนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ โดยมีกิจกรรม การนวดคอบ่าไหล่ นวดตอกเส้น นวดสปาหินร้อน แต่ละวันจะมีพนักงานนวด 50 คน มาให้บริการวันละ 10 ชั่วโมง และยังมีสาธิตการทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเพื่อใช้ในการนวดไทยและสปาเพื่อสุขภาพ และมีการทำเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพให้บริการแก่ผู้มาร่วมงาน
นับเป็นการส่งเสริมพลังทางวัฒนธรรมของไทย ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี
ภาพจาก กระทรวงแรงงาน
ส่วนที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดโรงเรียนสอนนวดแผนไทย ก็ถือโอกาสในช่วงที่มีการจัดประชุมเอเปค จัดงานสัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติขึ้น โดยมีการจัดตั้งซุ้มสาธิตและให้บริการนวดแแพทย์แผนไทย แผนโบราณอย่างหลากหลาย ทั้งนวดตำรับวัดโพธิ์ ท่าฤๅษีดัดตน และยกเอาตำรับตำราการนวดพื้นบ้าน 4 ภาคมาให้ประชาชนนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาและทดลองการนวดเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อผ่อนคลาย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
พระเทพวัชราจารย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ บอกว่า แม้ศาสตร์การนวดแผนไทยตำรับวัดโพธิ์จะโด่งดังไปหลายประเทศทั่วโลกอยู่แล้ว แต่การใช้จังหวะประชุมเอเปคมาเผยแพร่จัดนิทรรศการพิเศษเช่นนี้ขึ้น ก็จะยิ่งช่วยเปิดโอกาสให้ตลาดนวดแผนไทยได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิด-19 และจะเรียกนักท่องเที่ยวกลับมา
ภาพจาก กระทรวงแรงงาน
ซึ่งในช่วงหลังมานี้ตั้งแต่โควิดคลี่คลาย นักท่องเที่ววต่างชาติฝั่งยุโรปกลับมาเที่ยววัดโพธิ์แล้ว ร้อยละ 60-70 หรือวันละ 3,000-5,000 คน ทำให้วัดมีปัจจัยบูรณะปฏิสังขรโบราณสถานต่างๆ ประกอบกับมีการจัดประชุมเอเปค ก็เชื่อว่า การนวดแผนไทย จะฟื้นตัวขึ้นไปอีก เพราะปีนี้ก็จะมีผู้นำพร้อมคู่สมรสและคณะเดินทางมาเยี่ยมชมและทดลองการนวดแผนไทยตำรับวัดโพธิ์ ฤๅษีดัดตนที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
ภาพจาก กระทรวงแรงงาน
ภาพจาก กระทรวงแรงงาน
TNNONLINE
บทแถลงการณ์ต่อคณะสื่อมวลชนจากคณะทำงาน APEC CEO Summit 2022
เรียนท่านผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนที่เคารพ
ในนามของสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค 2022 ผู้จัดงาน APEC CEO Summit 2022 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 ณ The Athenee Hotel, A Luxury Collection Hotel, Bangkok
ภาคเอกชนมีความภูมิใจเป็นยิ่งสำหรับการรับหน้าที่การเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งสำคัญ ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ด้วย APEC CEO Summit 2022 นับเป็นเวทีคู่ขนานกับเวทีประชุมของภาคนโยบายหรือประชุมเอเปค 2022 ทว่าเป็นเวทีของภาคเอกชน ในการเจรจา อภิปราย และแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างผู้นำทางธุรกิจ ตลอดจนผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ผู้กำหนดนโยบาย และนักวิชาการต่างๆ ในประเด็นทางธุรกิจที่ภูมิภาคกำลังเผชิญ โดยนับเป็นความพยายามอันมุ่งมั่นของเอเปคในการส่งเสริมการเจรจาและความร่วมมือภาครัฐ และภาคเอกชน
การประชุม APEC CEO Summit 2022 ได้มุ่งเน้นการขับเคลื่อนทางด้านการค้า การลงทุน สังคม และเศรษฐกิจภายใต้แนวทาง "Embrace Engage Enable" ที่เน้นการเปิดโอกาส การสอดประสานความร่วมมือ และการผลักดันสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในชุมชนเอเชียแปซิฟิก โดยนอกจากความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน เวทีนี้ยังนับเป็นความร่วมมือกับภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ในการตอบสนองต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่เราชุมชนเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญ และนอกจากนี้ ยังนับเป็นเวทีต่อการเตรียมความพร้อมของมิติใหม่ทางการค้า การลงทุน และทางสังคม เพื่อให้ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก สามารถขับเคลื่อนไปยังอนาคตข้างหน้าได้อย่างมีพลวัตและยั่งยืน
สำหรับเวทีการสนทนาของการประชุม APEC CEO Summit 2022 ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 นี้ ได้มีวาระการประชุมที่สำคัญ อันได้แก่
ประเด็นที่ 1: ผู้นำเขตเศรษฐกิจและผู้นำทางธุรกิจเห็นพ้องกันว่าจำเป็นต้องมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด เพื่อส่งมอบการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุมสำหรับอนาคต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียว หรือ BCG ซึ่งประเทศไทยได้นำมาเป็นวาระแห่งชาติและเป็นยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดใหญ่
สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวในคำปราศรัยที่เตรียมไว้ว่า การเปิดกว้างเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความก้าวหน้า ในขณะที่การขัดขวางห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นในเอเชียแปซิฟิก จะขัดขวางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ จีนมุ่งมั่นที่จะ 'ส่งเสริมการสร้างชุมชนเอเชียแปซิฟิกที่มีอนาคตร่วมกัน'
นายจอห์น เดนตัน เลขาธิการสภาหอการค้านานาชาติ กล่าวว่าการหลอมรวมภาคธุรกิจเข้ากับการกำหนดนโยบายเป็นจุดแข็งที่สำคัญของเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก และความร่วมมือนี้มีความจำเป็นในอนาคต ด้วยเป็นภูมิภาคที่สร้างความยืดหยุ่นด้านห่วงโซ่อุปทาน ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านของพลังงานและคาร์บอน และการลงทุนใน
โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สะท้อนความรู้สึกดังกล่าว โดยกล่าวว่า การดำเนินการและความร่วมมือร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยจัดการกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากความไม่เท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้น เพื่อนำเศรษฐกิจไปสู่การพัฒนาที่ทั่วถึงและยั่งยืน และให้ความสำคัญกับ 'การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม'
ศาสตราจารย์เคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารสภาเศรษฐกิจโลก เรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ โอบรับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน การเปลี่ยนแปลงเป็นดิจิทัล การคิดเชิงกลยุทธ์ และแนวคิดเรื่องเงินทุนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างความไว้วางใจจากสาธารณะ
ประเด็นที่ 2: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความครอบคลุม และความยั่งยืน จะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับผู้กำหนดนโยบายและบริษัทต่างๆ
นายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม กล่าวว่า การลงทุนทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถูกกำหนดให้เป็นตัวขับเคลื่อนกระแสการลงทุนจากต่างประเทศในอนาคต
นายแฟร์ดินันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนีย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เห็นพ้องต้องกันว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สุขภาพ และความมั่นคงทางอาหารเป็นความท้าทายสำคัญที่เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญ และเรียกการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศว่าเป็น 'ความท้าทายที่กดดันที่สุดต่อความอยู่รอดในยุคสมัยของเรา’
นายโรเบิร์ต มอริทซ์ ประธานบริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส (PwC) กล่าวว่า ความยืดหยุ่น ความยั่งยืน และความคล่องตัว จะมีความสำคัญต่อการเติบโตในอนาคต เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากสาธารณชน ผู้ประกอบการธุรกิจต้องมีความสามารถในการกำหนดแนวทางและดำเนินงานเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต
นายกาบริเอล โบริก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐชิลี กล่าวว่าการปฏิรูปสังคมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจัดการกับความไม่เท่าเทียมและสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม
นางดินา เอร์ซิเลีย โบลัวร์เต เซการ์รา รองประธานาธิบดีคนที่ 1 สาธารณรัฐเปรู ได้เห็นด้วยต่อประเด็นก่อนนี้ โดยเสริมว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นมีสามมิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยกล่าวว่าความท้าทาย คือการตอบสนองความต้องการในปัจจุบันโดยไม่ประนีประนอมกับอนาคต
จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กล่าวว่าการเติบโตจำเป็นต้องมีความครอบคลุม และไม่ทิ้งกลุ่มผู้ด้อยโอกาสไว้เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ธุรกิจขนาดเล็ก หรือชนพื้นเมือง เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดในช่วงการระบาดของโควิด-19
TNNONLINE
นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ช่วยจัดการประชุมเอเปค 2022 ราบรื่นดีอย่างยิ่ง สร้างความเชื่อมั่นประเทศ ภาพลักษณ์ที่ดีของไทยออกสู่สายตาชาวโลก
การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ ครั้งที่ 29 เริ่มการประชุมในวันนี้ (18 พ.ย.65) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha โดยระบุว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ (17 พ.ย. 65) เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมมีภารกิจสำคัญอย่างยิ่งตลอดทั้งวัน โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า ที่ผมทำหน้าที่เป็นประธาน และกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน APEC CEO Summit 2022 ซึ่งเป็นการรวมตัวของภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประจำปี ที่สำคัญที่สุด คู่ขนานกับการประชุมเอเปคของภาครัฐ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อน "เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG"
ที่รัฐบาลจะผลักดันเข้าสู่การประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในวันพรุ่งนี้ เพื่อกำหนดทิศทางของเอเปคไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมการจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
จากนั้น ผมได้ให้การต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจหลายท่าน ตลอดทั้งวัน ดังนี้
11.00 น. หารือทวิภาคีกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ ทำเนียบรัฐบาล
14.20 น. ต้อนรับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และภริยา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
16.00 น. หารือทวิภาคีกับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ณ ทำเนียบรัฐบาล
17.15 น. หารือทวิภาคีกับนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีประเทศแคนาดา ณ ทำเนียบรัฐบาล
20.00 น. เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ หอประชุมกองทัพเรือ
และเวลา 23.15 น. รับเสด็จเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง
ซึ่งรายละเอียดของการหารือกับผู้นำประเทศต่างๆ และผลของการต่อยอดทางเศรษฐกิจจากการประชุมครั้งนี้ ผมจะได้นำมาเรียนแจ้งพี่น้องประชาชนต่อไปครับ
ผมต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ทำให้การจัดการประชุมเอเปคของไทยในครั้งนี้ ดำเนินไปด้วยความราบรื่นดีอย่างยิ่ง เป็นที่ประทับใจของผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นแขกสำคัญของประเทศชาติทุกคน จนผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ได้แสดงความชื่นชมประเทศไทย ว่าจัดการประชุมได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับเวิลด์คลาส มีการเตรียมงานที่เป็นเลิศ
นอกจากเรื่องเนื้อหาสาระในการประชุมต่างๆ ที่สามารถผลักดันให้เกิดความคืบหน้า ตลอดจน เอาใจใส่ดูแลให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความปลอดภัย ทั้งจากการเดินทางและจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงนับได้ว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จปีหนึ่งของเอเปค
ซึ่งผลดีที่ไทยจะได้จากการประชุมเอเปคนั้นมีอย่างมากมาย หอการค้าไทยคาดว่าจะมีแขกที่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ ทั้งของภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน รวมทั้งผู้ติดตามไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ซึ่งจะเกิดเงินหมุนเวียนโดยตรงในระบบทันที ไม่น้อยกว่า 1,000-2,000 ล้านบาท อีกทั้งจะมีการออกข่าวและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ออกสู่สายตาชาวโลก สร้างความเชื่อมั่นประเทศของเรา
ทั้งในแง่การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวให้ทั่วโลกได้เห็น จนคาดการณ์ได้ว่า อาจส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย ร่วม 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนครับ
ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha
ภาพจาก Thaigov
TNNONLINE
APEC 2022 เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ สำหรับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ครั้งที่ 29 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ มีผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษที่เข้าร่วมการประชุม จำนวนมาก
ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการจัดเตรียมการต้อนรับไว้เป็นอย่างดีโดยช่วงค่ำวานนี้ (17 พ.ย.2565) ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM Gala Dinner) ณ หอประชุมกองทัพเรือ
งานเลี้ยงรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 ผ่านการแสดงแสง สี เสียง อันเกี่ยวเนื่องกับ "สายน้ำ" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเชื่อมโยงทุกเขตเศรษฐกิจเข้าด้วยกันสู่ความสมดุล อาทิ ลอยกระทง ลอยกระทงสาย และไหลเรือไฟ พร้อมการแสดงโขน การแสดงหนังใหญ่ การแสดงหุ่นละครเล็ก การแสดงพื้นบ้าน งานฝีมือ สาธิตทำขนมไทย และเรื่องของการละเล่นต่างๆ ของไทย
กระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ วงดุริยางค์จาก 4 เหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานภายในสังกัดวธ. ไม่ว่าจะเป็น สำนักการสังคีต กรมศิลปากร และสถาบันบัณฑิตพัฒศิลป์ จัดการแสดงภายใต้แนวคิดหลักของการจัดงาน APEC Thailand 2022 คือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล Open Connect Balance” ร้อยเรียงเรื่องราวอันงดงาม ถ่ายทอดเป็นผลงานการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมที่งดงามประกอบฉาก แสง สี เสียง
OPEN TO ALL OPPORTUNITIES เป็นการบรรเลงบทเพลงโดยวงดุริยางค์ 4 เหล่าทัพ พร้อมวงดนตรีไทยร่วมสมัยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ประกอบกับการขับร้องเพลงโดยศิลปินระดับแนวหน้าของไทย ได้แก่ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ , ต๊งเหน่ง รัดเกล้า อามระดิษ , วิน วศิน พรพงศา , ปุ้ย ดวงพร พงศ์ผาสุก และกิต กิตตินันท์ ชินสําราญ ร่วมขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ บทเพลงไทย เพลงสากล และเพลงร่วมสมัย
CONNECT IN ALL DIMENSIONS การแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไหมไทยร่วมสมัยจากดีไซน์เนอร์เขตเศรษฐกิจเอเปคทั้ง 21 เขต
BALANCE IN ALL ASPE CTS ประกอบด้วย การร้อยเรียงศิลปวัฒนธรรมถ่ายทอดในรูปแบบการแสดงประเพณีดั้งเดิม และการแสดงร่วมสมัย
ภาพจาก Thaigov
TNNONLINE