18-11-2022
20:21
20:17
18:52
17:52
17:44
16:31
16:14
14:04
13:55
12:47
12:10
11:52
11:13
09:49
09:47
09:45
09:28
17-11-2022
22:28
21:53
19:55
19:52
19:46
19:19
18:58
18:55
18:01
17:59
17:54
17:48
17:42
17:39
16:25
14:47
14:04
13:04
12:45
12:20
09:44
09:42
16-11-2022
21:03
17:37
17:33
17:31
12:57
10:42
10:38
15-11-2022
21:06
20:45
20:36
17:11
14:52
10:43
10:27
10:20
10:19
09:43
08:43
14-11-2022
18:47
18:33
18:24
18:21
18:18
18:08
15:50
14:47
13:21
10:23
13-11-2022
22:08
21:44
17:50
16:08
15:50
15:06
14:50
14:50
12-11-2022
15:40
14:13
14:10
09:58
09:19
11-11-2022
20:49
19:13
17:44
17:29
17:26
17:09
11:12
10-11-2022
11:15
08:39
08:39
08:39
09-11-2022
08-11-2022
22:40
17:26
16:43
15:32
09:17
07-11-2022
06-11-2022
05-11-2022
04-11-2022
17:48
16:28
16:28
11:46
11:02
10:57
10:54
02-11-2022
01-11-2022
18:56
14:49
14:49
14:49
31-10-2022
30-10-2022
TNNONLINE
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำกล่าวถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่เดิมมีกำหนดจะขึ้นกล่าวในที่ประชุมเอเปค ซีอีโอ ซัมมิท แต่ได้ยกเลิกการเข้าร่วมไป เนื่องจากติดภารกิจอื่นนั้น ในร่างถ้อยแถลงดังกล่าวที่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งคณะผู้แทนจีนได้นำเผยแพร่ให้กับสื่อมวลชนก่อนนั้น มีใจความว่า
การกระทำที่ขยายความขัดแย้งและบิดเบือนบรรทัดฐานระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก และโลกควรร่วมกันปฏิเสธความคิดเรื่องสงครามเย็นและการเผชิญหน้าแบบกลุ่ม ซึ่งการกระทำฝ่ายเดียว ลัทธิกีดกันทางการค้า และความพยายามใดๆ ที่จะทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า เป็นการเมืองและใช้เป็นอาวุธ ควรได้รับการปฏิเสธจากทุกฝ่าย พร้อมชูรากฐานการพัฒนาที่สันติ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง โครงสร้างเปิดกว้าง เชื่อมโยงหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง สร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้สูงขึ้น
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำว่า โลกมาอยู่ที่ทางแยกอีกครั้ง โลกจะไปทางไหน เอเชียแปซิฟิกจะทําอย่างไร โลกกําลังเข้าสู่ระยะการแปรปรวนและเปลี่ยนแปลง ความตึงเครียดของภูมิรัฐศาสตร์และการแปรผันของโครงสร้างเศรษฐกิจซ้อนทับกัน พวกเราจําเป็นต้องให้คําตอบ โดยศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษของเอเชียแปซิฟิก ประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีหนึ่งในสามของทั่วโลก เศรษฐกิจคิดเป็นร้อยละ 60 และยอดมูลค่าการค้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจโลก
TNNONLINE
นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคแบบเต็มคณะ : APEC Ministerial Meeting 2022 หรือ AMM ซึ่งมีรัฐมนตรีรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีการค้าใน 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมประชุมในหัวข้อ "การเติบโตอย่างสมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน" โดยที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเปค ต่างให้ความเห็นชอบ "ร่างเป้าหมายกรุงเทพฯ หรือ Bangkok Goal 2022 : BCG Economy" ซึ่งเป็นเอกสารสูงสุดของการประชุมครั้งนี้ โดยเตรียมเสนอให้ผู้นำเอเปคให้ความเห็นชอบ ในวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายนนี้
"ดอน" ผลักดัน "แถลงการณ์ร่วมฯ" มุ่งสู่สันติภาพโลก
ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเปค นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญชวนให้ที่ประชุมร่วมกันผลักดันให้เกิดแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีเอเปค เพื่อให้มีการพูดคุยถึงการแสวงหาสันติภาพของโลก ใช้การเจรจาแก้ปัญหา ไม่ใช้ความขัดแย้งเป็นตัวตั้ง เนื่องจากกังวลถึงสถานการณ์โลก ที่กำลังเผชิญปัญหาความขัดแย้งด้านความมั่นคง ซึ่งจะไม่มีทางยุติ หากทุกฝ่ายยังสู้รบกัน รวมถึงยังมีความท้าทายทางเศรษฐกิจ ที่โลกเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิสภาพอากาศ หรือแม้แต่ปัญหาห่วงโซ่อุปทานการผลิต
"จุรินทร์" หวังส่งเสริมการค้า-เชื่อมโยง "เอเชีย-แปซิฟิก"
ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังหวังว่า ในวงประชุมดังกล่าว นอกจากที่ประชุมจะสามารถติดตามผลการดำเนินกิจกรรมที่ผ่านมาของ APEC ตลอดทั้งปี และกำหนดทิศทางการขับเคลื่อน APEC ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบันแล้ว ยังจะสามารถนำไปสู่ข้อเสนอแนะสำหรับการพัฒนาการทำงานในเอเปค ให้สอดคล้องกับหัวข้อหลักการประชุม APEC ครั้งนี้ คือ Open. Connect. Balance. โดยให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน ส่งเสริมการค้าการลงทุรที่เปิดกว้าง เชื่อมโยง และยั่งยืน ส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการทำ FTA-Asia Pacific หรือ FTA-AP เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมของ APEC มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่บรรดาผู้นำเขตเศรษฐกิจหลายคนต่างก็เดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 29 ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก และหนึ่งในผู้นำที่หลายคนจับตามองก็คือ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ที่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ ในช่วงที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเขตเศรษฐกิจเอเปค ในวันนี้ว่า ฝรั่งเศสยังเปิดกว้างให้ออสเตรเลีย กลับมาร่วมมือกันด้านเรือดำน้ำ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายแย่ลงจากกรณีที่ออสเตรเลียยกเลิกข้อตกลงที่จะซื้อเรือดำน้ำจากฝรั่งเศส แล้วหันไปซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ และอังกฤษแทน ภายใต้ข้อตกลงความมั่นคงไตรภาคี “ออคัส”
ทั้งหมดนี้ก็เป็นบทสรุปการประชุมรัฐมนตรีเอเปค และบรรยากาศที่เกิดขึ้นบริเวณศูนย์สื่อฯ ภายในศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รวมถึงความเคลื่อนไหวของหนึ่งในผู้นำที่น่าจับตามองที่เกิดขึ้นในวันนี้ และในขณะนี้ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กำลังเตรียมที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบริเวณศูนย์สื่อฯ แห่งนี้
TNNONLINE
ภายหลังได้รับเลือกให้เป็นผู้นำสูงสุดแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็เดินหน้าปฏิบัติภารกิจยังต่างแดนต่อเนื่องทันที หลังจากที่ว่างเว้นไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ เก็บตัวอยู่แต่ในประเทศนานกว่า 2 ปีจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในจีนทั่วโลก
นั่นทำให้เราได้เห็นประธานาธิบดีสีแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำหนึ่งในมหาอำนาจที่ทรงอิทธิพลไปทั่วโลกอย่างจีน ด้วยการเข้าร่วมการประชุมบนเวทีใหญ่ของโลก ทั้งการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือ G20 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซียเมื่อต้นสัปดาห์ ที่ซึ่งปรากฏภาพของเขาขณะสัมผัสมือกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแบบไม่มีหน้ากากอนามัยมาปิดบังไปสู่สายตาคนทั้งโลก ตามด้วยการเจรจาระหว่างกันแบบพบหน้านานกว่า 3 ชั่วโมงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
นอกจากนี้ ยังมีการพบหารือทวิภาคีกับทั้งนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ผู้นำออสเตรเลีย เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี นอกรอบการประชุม G20 ที่มีจุดประสงค์เพื่อผ่อนคลายความขัดแย้งระหว่างสองชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังมีกำหนดพบหารือนอกรอบกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพในสัปดาห์นี้ด้วย
อย่างไรก็ดี ภาพข่าวที่เพิ่งปรากฏในวันนี้ ท่ี่ประธานาธิบดีสียืนพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ในการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 พร้อมกับกล่าวคำพูดเชิงตำหนิผู้นำแคนาดา เรื่ืองนำข้อมูลการหารือระหว่างสองฝ่ายไปเผยต่อสื่อ ก็เป็นสิ่งที่เตือนให้เห็นว่า แม้จีนจะหันมาเดินหน้าสานสัมพันธ์กับชาติตะวันตกและเพื่อนบ้าน แต่ภาพของความขัดแย้งกับหลายชาติก็ยังคงปรากฏอยู่
หลี่ หมิงเจี้ยน ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส.ราชารัตนัม ในสิงคโปร์ บอกกับ Reuters ว่า ตารางงานแน่นขัดของประธานาธิบดีสีในช่วงนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจีนพร้อมกลับมายืนหนึ่งบนเวทีโลก และมีแสดงบทบาทผู้นำในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกครั้ง การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดยังต่างแดน และพบหารือบรรดาผู้นำต่างชาติคนสำคัญจะช่วยให้จีนบรรลุจุดประสงค์ดังกล่าว
การกลับมาแสดงจุดยืนทางการทูตที่เด่นชัดอีกครั้งของจีน ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงที่จีนกำลังแข่งขันด้านอิทธิพลในเอเชียแปซิฟิกกับสหรัฐฯ ที่พยายามอย่างยิ่งในการเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการออกมาสนับสนุนไต้หวัน และการเดินหน้าทำข้อตกลงด้านความมั่นคงกับออสเตรเลียกับอังกฤษ หรือ ออคัส ซึ่งทำให้จีนไม่สบายมากขึ้นเรื่อยๆ
หลี่ หมิงเจี้ยน บอกอีกว่า ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า จีนน่าจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำบนเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้วยการผลักดันโครงการต่างๆ ที่จีนต้องการสนับสนุนให้เกิดขึ้นและประสบผลสำเร็จ ทั้งการขยายโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ผลักดันโครงการพัฒนาโลก (Global Development Initiative -GDI) และโครงการเพื่อความมั่นคงโลก (Global Security Initiative - GSI)
ขณะเดียวกับ การเดินหน้าเยือนต่างประเทศและพบหารือบรรดาผู้นำโลก ยังเน้นย้ำถึงอิทธิพลของประธานาธิบดีสีในฐานะผู้นำตัวจริงของชาติมหาอำนาจโลกอย่างจีน จากที่ในช่วงก่อนแพร่ระบาดของโควิด-19 ประธานาธิบดีสีมักคุ้นเคยกับการสานความสัมพันธ์แบบเน้นตัวบุคคลมากกว่า
แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเข้ามามีอิทธิพลของสหรัฐฯ ในเอเชียแปซิฟิก ผ่านโครงการความร่วมมือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งออคัส หรือควอด เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ประธานาธิบดีสีและจีนต้องเร่งกลับมาแสดงจุดเด่นบนเวทีโลก เพื่อให้เพื่อนบ้านและประเทศในภูมิภาคเห็นว่า จีนไม่ได้อ่อนเปลี้ยหรือสูญเสียความสำคัญและอิทธิพลไป อย่างน้อย การแสดงออกบนเวทีโลกของจีน ก็ทำให้ประเทศต่างๆ แสดงจุดยิืนตรงกลาง ไม่เลือกข้างระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญหน้ากันอย่างถึงพริกถึงขิงบนสนามประลองทางภูมิรัฐศาสตร์กันอยู่ในตอนนี้
TNNONLINE
วันนี้ (17 พ.ย.65) เวลา 17.15 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับนายจัสติน ทรูโด (The Right Honourable Justin Trudeau) นายกรัฐมนตรีแคนาดา ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีและเป็นการเยือนไทยครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีแคนาดาในรอบ 10 ปี ไทย – แคนาดามีความสัมพันธ์แบบเป็นมิตรและราบรื่นมาโดยตลอด อย่างไรก็ดี มีศักยภาพจะขยายความร่วมมือได้อีกมาก เชื่อว่าการเยือนในครั้งนี้จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อต่อยอดไปสู่ความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจผ่านการขยายการค้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG
นายกรัฐมนตรีแคนาดายินดีและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสมาเยือนประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ได้มาเยือนอย่างยิ่ง โดยความสัมพันธ์ระหว่างไทย – แคนาดานั้นมีอย่างยาวนานและแข็งแกร่ง พร้อมชื่นชมการเป็นเจ้าภาพเอเปคของนายกรัฐมนตรีและของไทยในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะขยายความร่วมมือกับไทยทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค โดยเฉพาะประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่แคนาดาให้ความสำคัญ ซึ่งเวทีเอเปคจะเป็นการแสดงจุดยืนสำคัญที่ทุกเขตเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน โดยแคนาดาพร้อมสนับสนุนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อประโยชน์ร่วมกันต่อไป ทั้งนี้ แคนาดาพร้อมมีความร่วมมือกับไทยในด้านที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรม เทคโนโลยี และการค้าการลงทุน
ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือต่างๆที่สำคัญ ดังนี้
-ด้านความร่วมมือในระดับภูมิภาค นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือในภูมิภาค เชื่อว่าการพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างความเข้าใจระหว่างกันและเป็นประโยชน์ต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม ขณะที่นายกรัฐมนตรีแคนาดาเน้นย้ำว่าแคนาดาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์กับระหว่างภูมิภาคมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เพื่อเสริมสร้างบทบาทความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในอาเซียน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันในการส่งเสริมความสัมพันธ์อาเซียน – แคนาดา เพื่อปูทางไปสู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกันในอนาคต
-ด้านเศรษฐกิจ ไทยพร้อมสนับสนุนการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน – แคนาดา ให้สำเร็จโดยเร็ว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เชื่อมโยงห่วงโซอุปทาน สร้างความเชื่อมั่นและเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและประชาชนของทั้งสองฝ่าย โดยนายกรัฐมนตรีแคนาดาพร้อมสานต่อข้อเสนอดังกล่าว โดยเชื่อมั่นว่า การเจรจาร่วมกันจะช่วยขยายศักยภาพทางทางการค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นผลประโยชน์ร่วมกันที่กลับคืนสู่ประชาชน รวมไปถึงแรงงานในภาคส่วนต่าง ๆ ด้วย
-ด้านการเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันทั้งในด้านสิทธิมนุษยชน การส่งเสริมความเท่าเทียมและบทบาทสตรี ตลอดจนส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแคนาดาชื่นชมที่ไทยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนสิทธิสตรีเพื่อสร้างบทบาทและความเท่าเทียมให้แก่สังคมโดยรวม
-ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีแคนาดายินดีที่ได้ทราบว่า สายการบิน Air Canada จะเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างเมืองแวนคูเวอร์ – กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดเส้นทางระหว่างอเมริกาเหนือ และประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นพ้องและเชื่อมั่นว่าจะสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวได้มากขึ้น
TNNONLINE
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้เตรียมของที่ระลึก สำหรับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และคู่สมรส เพื่อเป็นที่ระลึกว่าเอเปค 2022 จัดขึ้นที่ประเทศไทย อีกทั้งเป็นการบ่งบอกถึงวัฒนธรรมไทย 7 รายการ
โดย 3 ชิ้นแรก เป็นของที่ระลึกที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยภาพดุลโลหะ "รัชตะแสนตอก" สำหรับมอบให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจ ภาพพระบรมมหาราชวังและกระบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งใช้เทคนิคดุนลายหรือตอกเงินบนแผ่นโลหะรีไซเคิล ประกอบกับกรอบไม้ยางพารา ผลิตจากชุมชนวัวลาย วัดศรีสุพรรณ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบคุณธรรม “เที่ยวชุมชนยลวิถี” ของกระทรวงวัฒนธรรมและเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในการทำเครื่องเงินมายาวนานหลายร้อยปี
ส่วนของที่ระลึกอีกชิ้น ที่ผลิตขึ้นเพื่อมอบให้กับคู่สมรส เป็น กล่องเครื่องประดับดุนโลหะ ตรงกลางเป็นภาพตราสัญลักษณ์การประชุมเอเปค โดยผลิตขึ้นเพียงอย่างละ 27 ชิ้น ใช้เวลาในการทำประมาณ 2 เดือน หลังได้รับมอบแบบจากรัฐบาล / คาดว่าหลังการประชุมเอเปคจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะผลงานครั้งนี้ ทำขึ้นอย่างปราณีตสุดฝีมือด้วยความภาคภูมิใจที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และชุมชนวัวลาย จังหวัดเชียงใหม่
และอีก 1 ชิ้น คือ ชุดผลิตภัณฑ์ผ้า "จตุราภรณ์" เป็นผ้าไหมทอมือย้อมสีธรรมชาติด้วยสีจากเปลือกมะพร้าว จาก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พิมพ์ลาย "ชะลอม" ร้อยเรียงขึ้นเป็นลายไทยประจำยาม จตุราภรณ์ ด้านในประกอบด้วย เนคไท หน้ากากอนามัย ผ้าเช็ดหน้า และผ้าคลุมไหล่
นอกจากนี้ รัฐบาลยังจัดเตรียมของที่ระลึกอันทรงคุณค่าจากศิลปหัตถกรรมชั้นสูงจากสถาบันสิริกิติ์ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มอบให้ผู้นำและคู่สมรส มีจำนวน 2 รายการ ประกอบด้วย
1.กรอบรูปถมเงิน พร้อมภาพพระราชทานของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในระหว่างการเข้าเฝ้าฯ
2.กล่องลิเภาเลี่ยมขอบเงิน ตกแต่งเงินลงยาสี โดย "ลิเภา" หรือ "ย่านลิเภา" (ตามภาษาท้องถิ่นภาคใต้)
ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่จัดทำขึ้นในวาระพิเศษครั้งนี้อีก 2 รายการ คือสมุดรายนามผู้ผลิตผ้าไหมและผู้ประกอบการทั่วประเทศ ฉบับพิเศษ เป็นการนำเสนอและส่งเสริมผ้าไทยในระดับนานาชาติผ่านการประชุมเอเปค 2022 เกิดการต่อยอด สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และยกระดับผ้าไทยไปสู่เวทีโลก และเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
TNNONLINE
วันนี้( 17 พ.ย.65) เวลา 16.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือกับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ (H.E. Mr. KISHIDA Fumio) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในโอกาสเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เพื่อกระชับความสัมพันธ์อย่างรอบด้าน รวมทั้งเพื่อแลกเปลี่ยนและสานต่อผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ภายหลังเสร็จสิ้น นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบหารือ และได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและภริยา เดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยไทยยินดีกับพลวัตทางความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกลับมาดำเนินกิจกรรม และการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน
ด้านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยินดีที่ได้พบนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง การเดินทางครั้งนี้นอกจากเพื่อเข้าร่วมประชุมเอเปคแล้ว ยังจะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ติดตามและสานต่อผลการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองจากที่นายกรัฐมนตรีได้พบกันเมื่อพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา พร้อมขอบคุณที่ได้สละเวลาให้เข้าพบก่อนที่การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้
โอกาสนี้ ผู้นำทั้งสองได้หารือในประเด็นต่างๆ ดังนี้
ผู้นำทั้งสองต่างยินดีในโอกาสครบรอบ 135 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในปีนี้ และการครบรอบ 10 ปีของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ โดยไทยและญี่ปุ่นยังได้ยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อพัฒนา “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ประชาชนและภูมิภาค ซึ่งการลงนามและประกาศใช้แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นในระยะ 5 ปี จะยิ่งช่วยสนับสนุนการพัฒนาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านต่อไป
ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทยและญี่ปุ่นยินดีที่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยพร้อมเป็นหุ้นส่วนกับญี่ปุ่นในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน และส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจพลังงานคาร์บอนต่ำ ซึ่งญี่ปุ่นพร้อมพิจารณาใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของอาเซียนด้วย โดยญี่ปุ่นยังได้กล่าวเสนอเพิ่มพูนความร่วมมือธุรกิจ startup ของทั้งสองประเทศด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ขอให้ญี่ปุ่นพิจารณาขยายการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นในไทยเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว เชื่อมั่นว่า ทรัพยากรมนุษน์เหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในภาคอุตสาหกรรมที่สร้างประโยชน์ให้กับไทยและญี่ปุ่นต่อไป
ในด้านพลังงาน ไทยและญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานที่ทันสมัยและการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจพลังงานคาร์บอนต่ำร่วมกันผ่านข้อเสนอความร่วมมือด้านพลังงาน (White Paper) ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น และภายใต้ข้อริเริ่ม Asia Zero-Emission Community (AZEC) ของญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทย
นายกรัฐมนตรียินดีกับการเป็นเจ้าภาพ World Expo 2025 Osaka ของญี่ปุ่น ไทยพร้อมสนับสนุนการจัดงานอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นว่างานจะประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยไทยหวังจะได้รับการสนับสนุนจากญี่ปุ่นในการเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ (Specialised Expo) 2028 ที่จังหวัดภูเก็ตเช่นกัน เชื่อมั่นว่าจะเป็นเวทีให้นานาประเทศนำเสนอทางออกและแลกเปลี่ยนความร่วมมือสู่ความยั่งยืน
ความร่วมมือด้านความมั่นคง ยินดีที่ไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือด้านการทหารและการป้องกันประเทศที่ใกล้ชิด เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบต่างๆ โดยทั้งสองฝ่ายยังได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการมอบโอนยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศเมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเยือนไทย ซึ่งขณะนี้กระทรวงกลาโหมอยู่ระหว่างการพิจารณาสาขาความร่วมมือที่ประสงค์ร่วมมือกับฝ่ายญี่ปุ่นต่อไป
ด้านประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ ยินดีที่ไทยร่วมมือกับญี่ปุ่นในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา เพื่อช่วยเหลือประเทศที่สามอย่างต่อเนื่อง ไทยพร้อมสานต่อความร่วมมือกับญี่ปุ่นในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ต้องการของประเทศผู้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมบทบาทที่แข็งขันในการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และไทย ในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น พร้อมมีบทบาทอย่างแข็งขันเพื่อให้ความร่วมมือและกิจกรรมต่างๆ บรรลุผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีไทยและญี่ปุ่นยังได้ร่วมกันยินดีที่ทั้งสองประเทศมีการหารือจนมีผลเป็นรูปธรรมในหลายๆ ด้าน สามารถพัฒนาและยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” ฉลองครบรอบ 135 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปีนี้ และการครบรอบ 10 ปีของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ที่ถือเป็นอีกก้าวสำคัญทางความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ที่มา เว็บรัฐบาล
ภาพจาก เว็บรัฐบาล
TNNONLINE
TNNONLINE
TNNONLINE
นางทศยาพร ดิเรกวุฒิ รองโฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า ในช่วงค่ำวันนี้ (17 พ.ย.65) เวลา 20.00 - 21.30 น. ณ หอประชุมกองทัพเรือ รัฐบาลไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นกำหนดการแรกในกรอบการประชุมเอเปคระดับผู้นำ
ในส่วนของสถานที่จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ กองทัพเรือได้เตรียมความพร้อมของหอประชุมกองทัพเรือเพื่อการให้การต้อนรับผู้นำเป็นไปอย่างสมเกียรติ นอกจากนี้ ได้จัดการซักซ้อมและดำเนินการตามแผนเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับผู้นำทั้งทางบกและทางน้ำบริเวณโดยรอบหอประชุมกองทัพเรือ โรงแรมที่พักของผู้นำ ตลอดจนจัดชุดตรวจท่าเรือต่าง ๆ และพื้นที่ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาโดยรอบอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุด
สำหรับเมนูอาหารในค่ำคืนนี้ ถูกคัดสรรมาจากวัตถุดิบชั้นยอดจากทุกภูมิภาคของไทย อาทิ อาหารว่างกระทงทองไส้ครีมซอสและไข่ปลาสเตอร์เจียนจากโครงการหลวงดอยอินทนนท์ ตามด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยที่ถูกคัดสรรมาจากของดี 4 ภาคที่สะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค สลัดที่ทำขึ้นในรูปแบบยำใหญ่ผักออร์แกนิก 9 อย่างจากวิสาหกิจชุมชน โดยมีกุ้งมังกรจากภูเก็ตพร้อมไข่เป็ดไล่ทุ่งสุพรรณบุรี
กระทงทองไส้ครีมซอสและไข่ปลาสเตอร์เจียน
ยำใหญ่ผักออร์แกนิก 9 อย่างโดยมีกุ้งมังกรจากภูเก็ตพร้อมไข่เป็ดไล่ทุ่งสุพรรณบุรี
ขณะที่อาหารจานหลัก คือ แกงมัสมั่น ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ทำจากเนื้อน่องโคขุนจากสหกรณ์โพนยางคำสกลนคร เคียงด้วยสตูว์ผักไทยรวมสไตล์ฝรั่งเศส ปลาเก๋ามุกออร์แกนิก พร้อมซอสต้มข่าเห็ดรวมโฟมใบมะกรูด ข้าวหอมมะลิไทยจากทุ่งกุลาร้องไห้และข้าวกล้อง 9 ชนิดอบตะไคร้หอม
แกงมัสมั่น จากเนื้อน่องโคขุนจากสหกรณ์โพนยางคำสกลนคร
อาหารหวานเป็นขนมหม้อแกงเผือกภูเขาและเม็ดบัวซอสผลไม้ไทย เสิร์ฟพร้อมกับซอร์เบท์เสาวรสน้ำผึ้งดอกลำไย พร้อมขนม 5 ชนิด อาทิ ช็อคโกแลตไทยเชียงใหม่ไส้บรั่นดีไทยกระชายดำ และมาการองลิ้นจี่ จบด้วยผลไม้ไทยที่เสิรฟ์คู่กับ ชาเฟลอ ดู นอร์ท จากเมืองเหนือ หรือ ยอดกาแฟเมืองน่าน
ขนม 5 ชนิด ช็อคโกแลตไทยเชียงใหม่ไส้บรั่นดีไทยกระชายดำ และมาการองลิ้นจี่
ขนมหม้อแกงเผือกภูเขาและเม็ดบัวซอสผลไม้ไทย เสิร์ฟพร้อมกับซอร์เบท์เสาวรสน้ำผึ้งดอกลำไย
ผลไม้ไทย
การเตรียมการด้านสถานที่และอาหารสำหรับผู้นำเขตเศรษฐกิจในงานเลี้ยงอาหารค่ำวันนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการจัดการประชุม APEC 2022 เพื่อสร้างความประทับใจให้กับแขกผู้มาเยือนสู่สายตาชาวโลก ผ่านเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบชั้นเลิศจากทุกภูมิภาคของไทย ซึ่งไม่เพียงเพื่อให้การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสในนำเสนอของดีและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมจากจังหวัดต่าง ๆ แต่ยังเป็นการต่อยอดทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการที่อยู่ในทุกภูมิภาคของไทย เพื่อให้การประชุมครั้งนี้ส่งผลดีต่อประชาชนทุกคนทั่วประเทศ และเพื่อให้ประชาชนไทยทุกคนในทุกพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้
กอ.รมน. ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์และอาหารไทยสู่สายตานานาประเทศ ตลอดจนเชิญชวนให้ประชาชนชาวไทยรู้สึกภาคภูมิใจและมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการประชุม APEC 2022 ที่จัดขึ้นครั้งนี้ และช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการประชุม
TNNONLINE
หุ่นละครเล็ก (โจ หลุยส์) จัดการแสดงชุด “หนุมานจับนางเบญจกาย” จากนาฏยศาลา เปิดประสบการณ์ใหม่กับสุดยอดนาฏกรรมแห่งสยามประเทศ ให้สื่อมวลชนชาวไทย และชาวต่างชาติได้ชื่นชมถึงความเป็นไทยในงานจัดการประชุม APEC 2022 ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์(เมื่อวันที่ 17 พ.ย.65)
ภาพโดย: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์
ธนาชัย ประมาณพาณิชย์
ท่าทีของมาครงมีขึ้น หลังรัฐบาลฝรั่งเศสไม่พอใจออสเตรเลีย ที่ยกเลิกข้อตกลงเรือดำน้ำที่ลงนามกันมาหลายปีแล้ว เพื่อไปซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯและอังกฤษแทน ภายใต้ข้อตกลงความมั่นคงไตรภาคีออคัส แต่ต้องรอเวลาอีกหลายปีกว่าออสเตรเลียจะได้เรือดำน้ำ
ความสัมพัน์ของฝรั่งเศสและออสเตรเลียนั้นดูเหมือนจะกลับมาฟื้นฟูได้อีกครั้ง หลังออสเตรเลียมีรัฐบาลชุดใหม่ใหม่ โดยนายมาครงได้หารือนอกรอบกับนายแอนโทนี อัลบาเนซี ผู้นำออสเตรเลีย นอกรอบการประชุม G20 และได้เปิดเผยในระหว่างที่อยู่ในกรุงเทพมหานครว่า ข้อเสนอเรื่องเรือดำน้ำของฝรั่งเศสต่อออสเตรเลียยังมีอยู่
มาครงย้ำว่า ฝรั่งเศสจะไม่จัดหาเรือดำน้ำนิวเคลียร์ให้แก่ชาติอื่น แต่สามารถช่วยเรือเรือดำน้ำแบบดั้งเดิมได้ ซึ่งจะรับประกันเสรีภาพและอธิปไตยของออสเตรเลียได้
มาครงกล่าวในกรุงเทพว่า “นี่คือภูมิภาคที่มีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งเป็นฉากของการเผชิญหน้าของสองมหาอำนาจโลก ยุทธศาสตร์ของฝรั่งเศสคือ การปกป้องเสรีภาพและอธิปไตย”
แต่ในขณะเดียวกัน มารครงย้ำว่า นี่ไม่ใช่ข้อเสนอเพื่อการเผชิญหน้ากับจีน เพราะนี่ไม่ใช่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ แต่กรตัดสินใจของอดีตนายกฯมอร์ริสันนั้นกลับตรงกันข้าม ที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้าด้านนิวเคลียร์กับจีนอีกครั้งเอง
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสมองว่าตนเองสามารถเป็นมหาอำนาจในแปซิฟิกได้ เพราะฝรั่งเศสเองก็มีดินแดนโพ้นทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิก คือ New Caledonia และ French Polynesia
มาครงจะกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์นี้ ที่มีเป้าหมายเพื่อตอกย้ำถึงนโยบายด้านอินโด-แปซิฟิกอีกครั้ง
TNNONLINE
เวทีนี้ เป็นเวทีแรกๆ ในการประชุมแบบพบหน้า หลังจากโควิด-19 จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทาง โดยเฉพาะอานิสงค์จะตกอยู่กับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศในช่วงก่อนโควิด-19 ไปจนถึงร่างเอกสาร "Bangkok Goals" ซึ่งจะเป็นข้อตกลงในการดำเนินเศรษฐกิจภายใต้โมเดล BCG (Bio-Cycle-Green Economy) ซึ่งภาครัฐ-เอกชน ต้องร่วมมือกันผลักดัน โดยเฉพาะองค์กรในประเทศไทย
ภาคเอกชนเอง มีโอกาสเข้าร่วม และร่วมแบ่งปันประสบการณ์ การดำเนินการภายใต้กรอบความยั่งยืน อย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นองค์กรหนึ่งที่ถูกเชิญให้แบ่งปันประสบการณ์ดังกล่าว รวมถึงจัดแสดงบูธ เพื่อสื่อสารการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืน ไปถึงผู้เข้าร่วมงาน APEC 2022 ในครั้งนี้ด้วย
เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี เป็นองค์กรหนึ่งที่มีโอกาสเข้าร่วมงาน APEC 2022 ทั้งในแง่ของการเป็นผู้สนับสนุนการจัดงาน และเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จเรื่องการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบความยั่งยืน มองโอกาสของประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน APEC 2022 อย่างไร ไปฟังเสียง ดร.เนติธร ประดิษฐ์สาร ผู้ช่วยบริหารประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้านความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์
ธุรกิจในเครือซีพี ประกอบไปด้วย 8 สายธุรกิจหลัก ครอบคลุม 14 กลุ่มธุรกิจ แต่ซีพี เลือกบริษัทเข้ามาจัดแสดงในงาน APEC 2022 ใน 3 กลุ่มบริษัท ประกอบไปด้วย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จํากัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ , บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เริ่มที่ ซีพีเอฟ ซึ่งมีการลงทุนและร่วมลงทุนในการผลิตอาหาร 17 ประเทศทั่วโลก การออกบูธครั้งนี้ ยึดหลักในการดำเนินธุรกิจยั่งยืนตามมาตรฐานโลก โดยเน้นไปที่การผลิตอาหารที่มีคุณภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ขณะที่ ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น นำเทคโนโลยีควบคุมการใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะมาจัดแสดงภายในบูธ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะติดตามปริมาณการใช้ไฟฟ้า และหากพบว่ามีความผิดปกติ สามารถเข้าซ่อมแซมได้ทันที เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น
ส่วน ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้สนับสนุนหลักด้านการสื่อสารอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย นำเอา 3 เทคโนโลยีสำคัญ เพื่อช่วยเหลือด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา และภาคการเกษตร ซึ่งส่วนหนึ่งในการดำเนินงานสนับสนุนด้านความยั่งยืนในประเทศไทย
ขณะที่ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังได้รับเชิญเข้าร่วมวงเสวนาเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ร่วมกับผู้นำทางความคิดระดับโลก จากทั้งภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจ ซึ่งจะมีข้อเสนอ และแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งจะสร้างให้เกิดความยั่งยืน คือ ให้ทุกคนเข้าถึงอาหารที่มีโภชณาการได้ ในขณะเดียวกัน ลดของเสีย หรือ อาหารเหลือทิ่ง ซึ่งควรมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการ
CP
APEC 2022 ประมวลภาพ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี และภริยา ต้อนรับนายสี จิ้นผิง (H.E. Mr. Xi Jinping) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และภริยา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 17 พ.ย. 2565
เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. 2565
ภาพจาก Thaigov
ภาพจาก Thaigov
ภาพจาก Thaigov
ภาพจาก Thaigov
ภาพจาก Thaigov
ภาพจาก Thaigov
ภาพจาก Thaigov
TNNONLINE
วันนี้( 17 พ.ย.65) เวลา 13.55 น. ณ ห้องรับรองพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีแบบสั้น (pull-aside) กับนายจอห์น ลี คา-ชิว (The Honourable John Lee Ka-Chiu) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเดินทางมาร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ไทย ซึ่งปีนี้ไทยมีการประชุมหัวข้อ Open. Connect. Balance. ซึ่งไทยยินดีร่วมมือกับฮ่องกงในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคให้รุ่งเรือง ทั้งนี้ ไทยและฮ่องกงมีความร่วมมือที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะการค้าและการลงทุน รัฐบาลพร้อมร่วมมือกันในทุกมิติ เชื่อมั่นว่าฮ่องกงและไทยจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเจริญรุ่งเรืองต่อไป
ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ยินดีที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ โดยไทยและฮ่องกงมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้น อย่างไรก็ดีทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพในการเพิ่มพูนความร่วมมือกันอีกมาก ทั้งนี้ ฮ่องกงชื่นชมนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทยในการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพการประชุมฯ ของไทย พร้อมยืนยันความร่วมมือระหว่างกันในการทำงานอย่างใกล้ชิด โดยเชื่อมั่นว่าการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพจะประสบความสำเร็จ
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายร่วมแก้ปัญหาท่ามกลางความท้าทาย และเป็นโอกาสให้ยกระดับความร่วมมือ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงแสวงหาความร่วมมือเพิ่มเติมในเรื่องการค้าและการลงทุน และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการค้าในผลิตภัณฑ์ทางด้านเกษตร
ที่มา เว็บรัฐบาล
ภาพจาก เว็บรัฐบาล
TNNONLINE
กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมนำเสนอ Soft Power ผ่านการร้อยเรียงวัฒนธรรมไทย ถ่ายทอดในรูปแบบการแสดงประเพณีดั้งเดิม และการแสดงร่วมสมัย ในงานเลี้ยงรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 ผ่านการแสดงแสง สี เสียง อันเกี่ยวเนื่องกับ "สายน้ำ"
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเชื่อมโยงทุกเขตเศรษฐกิจเข้าด้วยกันสู่ความสมดุล อาทิ ลอยกระทง ลอยกระทงสาย และไหลเรือไฟ พร้อมการแสดงโขน การแสดงหนังใหญ่ การแสดงหุ่นละครเล็ก การแสดงพื้นบ้าน งานฝีมือ สาธิตทำขนมไทย และเรื่องของการละเล่นต่างๆ ของไทย ณ หอประชุมกองทัพเรือ
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค 2022 ระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และหอประชุมกองทัพเรือ โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ดำเนินกิจกรรมการแสดงสำหรับการจัดงานเลี้ยงรับรองการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 ณ หอประชุมกองทัพเรือ นั้น
กระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ วงดุริยางค์จาก 4 เหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานภายในสังกัดวธ. ไม่ว่าจะเป็น สำนักการสังคีต กรมศิลปากร และสถาบันบัณฑิตพัฒศิลป์ จัดการแสดงภายใต้แนวคิดหลักของการจัดงาน APEC Thailand 2022 คือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล Open Connect Balance” ร้อยเรียงเรื่องราวอันงดงาม ถ่ายทอดเป็นผลงานการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมที่งดงามประกอบฉาก แสง สี เสียง
OPEN TO ALL OPPORTUNITIES เป็นการบรรเลงบทเพลงโดยวงดุริยางค์ 4 เหล่าทัพ พร้อมวงดนตรีไทยร่วมสมัยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ประกอบกับการขับร้องเพลงโดยศิลปินระดับแนวหน้าของไทย ได้แก่ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ , ต๊งเหน่ง รัดเกล้า อามระดิษ , วิน วศิน พรพงศา , ปุ้ย ดวงพร พงศ์ผาสุก และกิต กิตตินันท์ ชินสําราญ ร่วมขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ บทเพลงไทย เพลงสากล และเพลงร่วมสมัย
CONNECT IN ALL DIMENSIONS การแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไหมไทยร่วมสมัยจากดีไซน์เนอร์เขตเศรษฐกิจเอเปคทั้ง 21 เขต
BALANCE IN ALL ASPE CTS ประกอบด้วย การร้อยเรียงศิลปวัฒนธรรมถ่ายทอดในรูปแบบการแสดงประเพณีดั้งเดิม และการแสดงร่วมสมัย ภายใต้แนวคิดหลักของการประชุม “Open. Connect. Balance.” และตราสัญลักษณ์ สำหรับการประชุม “ชะลอม”
ผ่านการแสดงจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ประกอบกับ “ประเพณีลอยกระทง” ของประเทศไทยอันเกี่ยวเนื่องกับการแสดงความเดารพบูชา “สายน้ำ” เป็นจุดเริ่มต้นที่เชื่อมโยงทุกเขตเศรษฐกิจเข้าด้วยกันสู่ความสมดุล
การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมแสดงถึงคุณค่าความงดงามจากท้องถิ่นสู่ระดับนานาชาติ อาทิ
การแสดงภาคเหนือ การฟ้อนร่ม การแสดงกิงกะหร่า เต้นโต
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หน้ากากผีตาโขน บ่าวขาลาย ถือหางนกยูง ฟ้อนภูไท เซิ้ง ถือบั้งไฟ เชิดพญานาค สะท้อนถึงความสนุกสนานรื่นเริง
ภาคใต้ โนรา ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ จาก UNESCO หนังตะลุง ตารีบุหงา
ภาคกลาง จะมีการแสดงโขน เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยที่มีความสง่างาม อลังการและอ่อนช้อย
ปิดท้ายค่ำคืนด้วยบรรยากาศเทศกาลลอยกระทง สัมผัสประสบการณ์การลอยกระทง รับชมการจัดแสดงประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับสายน้ำของไทย ไม่ว่าจะเป็น ลอยกระทง ลอยกระทงสาย และไหลเรือไฟ ในแม่น้ำเจ้าพระยาแม่น้ำสายสำคัญของไทย
ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะแสดงให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจได้เห็นถึงความงดงามของศิลปวัฒนธรรมและสถานที่อันสวยงามของประเทศไทย ผ่านงาน Soft Power ให้เกิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในระดับเวทีโลก
ภาพจาก กระทรวงวัฒนธรรม
TNNONLINE
วันนี้( 17 พ.ย.65) เวลา 10.30 น .พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปค 2565 เปิดเผยว่า ตามที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลกำหนดให้ปิดการจราจรถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกอโศกมนตรี ถึงแยกพระราม 4 และถนนดวงพิทักษ์ ตลอดสาย ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565
โดยกำหนดให้ยานพาหนะที่จะสามารถผ่านเข้า-ออก บริเวณดังกล่าว จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ขยายเวลาการลงทะเบียนของผู้พักอาศัย ที่มีความจำเป็นต้องใช้ถนนบริเวณที่งดการใช้การจราจรกว่า 45,000 ราย ในพื้นที่ สน.ลุมพินี และ สน.ทองหล่อ โดยได้เปิดให้ลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565
สำหรับการลงทะเบียนการขออนุญาตมีบัตรผ่านเข้า-ออก มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : สแกน QR Code เพื่อเข้าสู่ฟอร์มขอรับบัตรผ่านเส้นทางเอเปค 2022
ขั้นตอนที่ 2 : เลือกอาคารหรือโรงแรมที่ท่านพักอาศัย กรณีเป็นบ้านพักให้เลือกหัวข้ออื่น ๆ แล้วกรอกที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
ขั้นตอนที่ 3 : กรอกข้อมูลส่วนตัว ประเภทรถ ยี่ห้อ รุ่น ให้ครบถ้วนถูกต้อง
ขั้นตอนที่ 4 : กรอกหมายเลขทะเบียนรถ พร้อมแนบรูปถ่ายด้านหน้ารถ และรูปถ่ายด้านข้างรถ ที่เห็นป้ายทะเบียนชัดเจน
ขั้นตอนที่ 5 : เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนให้กดส่งข้อมูล
ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ขนส่งพัสดุ ไปรษณีย์ อาหารหรือเอกสารต่างๆ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณจุดตรวจ และแสดงเอกสารหลักฐาน เพื่อขอเข้าพื้นที่ได้เป็นรายๆ ไป
นอกจากนี้ โฆษก ตร. กล่าวว่า สำหรับการชุมนุมที่มีการขอใช้สถานที่บริเวณลานคนเมือง ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายนนี้ เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือไม่ให้มีการเคลื่อนย้าย หรือเดินขบวน เพื่อไม่ให้กระทบกับมาตรการรักษาความปลอดภัย และหากยื่นข้อเรียกร้องต่างๆ สามารถไปยื่นได้ที่กระทรวงการต่างประเทศ ศูนย์ดำรงธรรม ที่จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก จราจร สน.ทองหล่อแจ้งว่า ผู้ที่จะผ่านเส้นทางในถนนรัชดาภิเษก จะต้องใข้บัตรผ่านทางทาง สน.ทองหล่อ และศูนย์การประชุมเอแปคเท่านั้น โดยผู้ได้รับอนุญาตจะต้องเป็นผู้ที่พักอาศัย หรือทำงานในแนวถนนรัชดาเท่านั้น และสถานที่ขอมีบัตรผ่าน
1.ห้องปฏิยัติงานป้องกันปราบปรามสน.ทองหล่อ
2.ตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจรแยกอโศก
ภาพจาก TNN Online / APEC 2022 Thailand
TNNONLINE
APEC 2022 นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส ชื่นชมพลวัตในความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส พร้อมกระชับความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
วันนี้ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับ นายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในฐานะแขกพิเศษของเจ้าภาพ (Guest of the Chair) ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
ภาพจาก Thaigov
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบหารือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสอีกครั้ง ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสที่มีพลวัตอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าการเยือนครั้งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นและเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม
ในโอกาสการเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC 2022 ไทยขอรับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสในฐานะสมาชิก G7 และ G20 ในการขับเคลื่อนวาระสำคัญของไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้หารือร่วมกันในช่วงการประชุมฯ ด้วย
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมทั้งชื่นชมความร่วมมือระหว่างไทยกับฝรั่งเศสที่มีความคืบหน้าในหลาย ๆ ด้าน แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะความร่วมมือด้านอวกาศ ในการพัฒนาดาวเทียมธีออส 2
โอกาสนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสชื่นชมนายกรัฐมนตรีและประเทศไทยในโอกาสการเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC 2022 โดยประเด็นความร่วมมือของ APEC ในแง่การค้าและการลงทุน การรักษาสันติภาพ และสิ่งแวดล้อม เป็นประเด็นที่สอดคล้องกับสิ่งที่ฝรั่งเศสต้องการผลักดัน ยืนยันสนับสนุนประเด็นที่ไทยต้องการผลักดัน
ภาพจาก Thaigov
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้
การจัดทำความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการไทย - ฝรั่งเศส
นายกรัฐมนตรีขอให้ฝรั่งเศสเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้มีความคืบหน้า ซึ่งจะช่วยให้การเดินหน้าความสัมพันธ์เป็นไปด้วยความสะดวก โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสพร้อมเร่งรัดการดำเนินการคาดว่าภายในเดือนมกราคม 2566 จะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
ด้านความมั่นคง
นายกรัฐมนตรียินดีกับความร่วมมือทางการทหารที่ใกล้ชิด บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นและไว้วางใจ ตลอดจนยินดีที่ฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก รวมถึงไทย โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมเร่งรัดการจัดตั้งกลไกการหารือ 2+2 dialogue ไทย - ฝรั่งเศส เพื่อหารือในประเด็นท้าทายด้านความมั่นคง
ด้านประธานาธิบดีฝรั่งเศสเห็นว่า ไทยกับฝรั่งเศสมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยเฉพาะการส่งเสริมความเชื่อใจและความใกล้ชิดระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย การสร้างฐานอุตสาหกรรมในประเทศไทย การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการวิจัยทางทะเล เป็นต้น
ภาพจาก Thaigov
ด้านเศรษฐกิจ
ทั้งสองฝ่ายยินดีกับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และเห็นพ้องกันว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันได้อีกมาก โดยรัฐบาลไทยได้ปรับนโยบายที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิรูปสีเขียวของ EU จึงเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองฝ่ายจะสนับสนุนการส่งออกสินค้าสิ่งแวดล้อมและการลงทุนในธุรกิจสีเขียว
ไทยร่วมกับสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคลดอัตราภาษีนำเข้าทั่วไป
สำหรับรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมจำนวน 54 รายการ นายกรัฐมนตรีจึงเชิญชวนให้ฝรั่งเศสใช้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว
ด้านประธานาธิบดีฝรั่งเศสพร้อมมีความร่วมมือกับไทยในด้านการผลิตและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเกษตรกรรม ตลอดจนพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนา EEC
ด้านการศึกษาและวิชาการ
ไทยกับฝรั่งเศสมีความร่วมมือในด้านการศึกษามาอย่างยาวนาน โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสพร้อมสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษา นักวิชาการ และนักวิจัยระหว่างกันมากขึ้น ซึ่งในปีหน้าคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถลงนามในความตกลงด้านการศึกษาระหว่างกันได้ ซึ่งจะทำให้ความร่วมมือของทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
ภาพจาก Thaigov
สำหรับการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 ที่จังหวัดภูเก็ต ของไทย นายกรัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสสำหรับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งการจัดงาน Expo 2028 – Phuket Thailand ในเดือนมิถุนายน 2566 ระหว่างช่วงการประชุมสมัชชาใหญ่ (BIE General Assembly) ครั้งที่ 172 ที่กรุงปารีส โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสพร้อมให้การสนับสนุนไทยในประเด็นนี้
สำหรับความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคและภูมิภาค นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยพร้อมสนับสนุนฝรั่งเศสในการมีส่วนร่วมและมีบทบาทที่สร้างสรรค์ ทั้งในกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (ACMECS) อาเซียน – ฝรั่งเศส และอาเซียน – EU รวมถึงการขับเคลื่อนวาระสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์อินโด – แปซิฟิก และมุมมองอาเซียนต่ออินโด – แปซิฟิก
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ฝรั่งเศสสนับสนุนการรื้อฟื้นการเจรจา FTA ไทย - EU ด้วยเช่นกัน ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสพร้อมสนับสนุนนโยบายระหว่างไทยกับ EU และพร้อมผลักดันการรื้อฟื้นการเจรจา FTA ไทย – EU อย่างแข็งขัน
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีมอบเอกสารแถลงการณ์แสดงเจตจำนงเข้าร่วมข้อริเริ่ม PREventing Zoonotic Disease Emergence (PREZODE) เพื่อสร้างเครือข่ายนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาและป้องกันโดยโรคติดต่อระหว่างสัตว์กับคน (zoonotic disease) หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ภาพจาก Thaigov
ข้อมูลจาก Thaigov
ภาพจาก Thaigov
TNNONLINE
กิจกรรม “VIJIT CHAO PHRAYA” ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ กรุงเทพมหานคร กองทัพเรือ มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม กรมทางหลวงชนบท วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก และไอคอนสยาม จัดกิจกรรม “VIJIT CHAO PHRAYA” ปรากฏการณ์แห่งแสงสีสุดยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และสร้างบรรยากาศและสีสันให้กับแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยแสงไฟและการแสดงทางวัฒนธรรมในยามค่ำคืน
เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในช่วง High Season และผู้เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศพร้อมทั้งขยายเวลาการท่องเที่ยวในช่วงเวลากลางคืน โดยจะเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่ตั้งอยู่ในพื้นที่การจัดกิจกรรม โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-27 พฤศจิกายน 2565
ในโอกาสนี้รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชนรับชมการแสดงแสงสีเสียงในจุดต่างๆ ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใน 6 พื้นที่หลัก ประกอบด้วย
1. สะพานพระราม 8
การประดับตกแต่งแสงไฟ และการแสดง Light Show & Laser เพื่อเป็นการต้อนรับการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค และเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมา โดยมีการย้อมไฟกับเส้นสายของสะพานพระราม 8 ให้เป็นสีสันบรรยากาศต่าง ๆ และฉายแสงเลเซอร์เป็นลวดลายและข้อความต้อนรับ
จัดแสดงทุกวันวันละ 6 รอบ เวลา 19.00 น. , 19.30 น. , 20.00 น. , 20.30 น. , 21.00 น. และ 21.30 น.
2. ป้อมวิไชยประสิทธิ์
การแสดง Projection Mapping ประกอบแสงสี และ Effect พิเศษ ถ่ายทอดเรื่องราวความรุ่งเรืองวิถีแห่งสายน้ำตราบอดีตจวบปัจจุบัน ที่มีการเดินเรือค้าขาย การเดินทางติดต่อทางการทูต วิถีชีวิตของคนไทยกับสายน้ำ และการต่อสู้เพื่อความสุขสงบสันติของแผ่นดินโดยใช้กำแพงป้อมเป็นพื้นที่ฉายภาพ
จัดแสดงทุกวันวันละ 6 รอบ เวลา 19.15 น. , 19.45 น. , 20.15 น. , 20.45 น. , 21.15 น. และ 21.45 น. (มีการแสดง Effect พิเศษในช่วงวันหยุด 12,13,17,18,19,26,27 พฤศจิกายน 2565)
3. วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร
การแสดงทางวัฒนธรรมประยุกต์ ผสมผสานระบบเทคนิคพิเศษ บอกเล่าเรื่องราวของประเพณีอันเรืองงามคู่สายน้ำเจ้าพระยา โดยมีหนังใหญ่ และการแสดงทางวัฒนธรรมที่สืบเนื่องกับแม่น้ำร่วมแสดง สื่อถึงความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของประเทศไทย ตลอดจนความสุขที่เปี่ยมมิตรไมตรีและรอยยิ้ม
จัดแสดงในช่วงวันหยุด 12,13,17,18,19,26,27 พฤศจิกายน 2565 วันละ 3 รอบ เวลา 19.30 น. , 20.30 น. และ 21.30 น.
4. สะพานพระพุทธยอดฟ้า
การแสดง Illumination Light Showประกอบดนตรีและเสียงสภาพแวดล้อมที่สื่อถึงประสบการณ์การเดินทางแห่งความสุข ทั้งเสียงจากการเดินทาง เช่น เสียงรถไฟ เสียงเรือ เสียงเครื่องบิน และเสียงในวิถีชีวิตของคนไทยในแต่ละภูมิภาค เช่น เสียงทำกับข้าว เสียงเครื่องดนตรีพื้นถิ่น รวมถึงการเล่นแสงไฟประกอบที่น่าตื่นตาตื่นใจ
จัดแสดงทุกวันวันละ 6 รอบ เวลา 19.15 น. , 19.45 น. , 20.15 น. , 20.45 น. , 21.15 น. และ 21.45 น. (มีการแสดง Effect พิเศษในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565)
5. ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
การฉาย Projection Mapping ไปยังพื้นผิวอาคาร เป็นเสมือนบทสรุปถ่ายทอดเรื่องราวของเสน่ห์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา และนำเสนอ SOFT POWER สำคัญในเมืองไทย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์อันมหัศจรรย์ ทั้ง FOOD FILM FASHION FIGHTING FESTIVAL
จัดแสดงทุกวันวันละ 6 รอบ เวลา 19.00 น. , 19.30 น. , 20.00 น. , 20.30 น. , 21.00 น. และ 21.30 น.
6. ไอคอนสยาม
การประดับไฟตกแต่งไอคอนสยามแบงคอก อิลูมิเนชั่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยพลังงานสะอาดจาก Solar Cell นวัตกรรมใหม่ที่สอดรับกับนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ และการแสดง The ICONIC Multimedia Water Feature การแสดงระบำสายน้ำ ประกอบแสงสีเสียงที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จัดแสดงทุกวันวันละ 4 รอบ เวลา 18.15 น. , 19.15 น. , 20.15 น. , และ 21.15 น.
ล่าสุด ททท. เพิ่มรอบการแสดงพลุ และเทคนิคพิเศษงาน “VIJIT CHAO PHRAYA” และปรับเปลี่ยนเวลาการแสดงในพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้
สะพานพระพุทธยอดฟ้า การแสดงพลุ แสง เสียงประกอบดนตรี วันที่ 19-20 และ 24-27 พ.ย. 65 รอบเวลา 20.45 น.
วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร การแสดงทางวัฒนธรรมประยุกต์ ประกอบพลุ แสง เสียง วันที่ 19-20 และ 24-27 พ.ย. 65 รอบเวลา 19.30 น. 20.30 น. และ 21.00 น.
ป้อมวิไชยประสิทธิ์ การแสดง Projection Mappingประกอบเทคนิคพิเศษ วันที่ 19-20 และ 24-27 พ.ย. 65รอบเวลา 19.00 น. 19.20 น. 20.00 น. 20.20 น. 21.10 น. และ 21.30 น.
หมายเหตุ
- วันที่ 17-18 และ 21-23 พ.ย. 65 เป็นการประดับไฟไลท์อัพที่งดงาม การแสดงอินสตอลเลชั่นไลท์โชว์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า และสะพานพระราม 8, การแสดงโปรเจคชั่นแมพปิ้ง ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก, และการแสดงน้ำพุ ไอคอนสยาม
ภาพจาก ThailandFestival
ข้อมูลจาก Thaigov
ภาพจาก ThailandFestival / TNN ONLINE
TNNONLINE
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส พบหารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ณ ทำเนียบรัฐบาลในกรุงเทพฯ
ประธานาธิบดีมาครงมีกำหนดจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปคในฐานะแขกพิเศษ ในวันศุกร์นี้ (18 พฤศจิกายน) และเข้าร่วมการอภิปรายต่าง ๆ ภายใต้หัวข้อหลัก คือ การเติบโตอย่างยั่งยืน การลงทุนเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและรับมือปัญหาเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ตามกำหนดการ ในช่วงเย็นวันนี้ เวลา 17.00 น. ประธานาธิบดีมาครงมีกำหนดจะพบกับชุมชนชาวฝรั่งเศสในกรุงเทพฯ
————
📲 อัพเดทข่าวและบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://page.line.me/tnnworld
ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
ภาพ: LUDOVIC MARIN / POOL / AFP
วันนี้ (17 พ.ย. 65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งประเทศจีน ได้ออกเดินทางจากบาหลีเพื่อมุ่งสู่จังหวัดกรุงเทพฯ ของประเทศไทยแล้วในวันนี้ (17 พ.ย.) โดยเขาจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเปคกับบรรดาผู้นำประเทศสมาชิก หลังเพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอด G20 ที่เกาะบาหลีของประเทศอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเข้าร่วมการประชุมระดับทวิภาคีกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ในช่วงบ่ายวันนี้ นอกรอบการประชุมเอเปค
TNNONLINE
วันนี้ (17 พ.ย.65) เวลา 9.28 น. ณ ห้อง Athenee Crystal Hall ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุม APEC CEO Summit ตามคำเชิญของสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council: ABAC) โดยภายหลังเสร็จสิ้นพิธี นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
APEC CEO Summit เป็นหนึ่งในการรวมตัวของภาคธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และเป็นการกลับมาอีกครั้งของการประชุมในรูปแบบพบหน้า ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกให้แก่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก สะท้อนให้เห็นว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกพร้อมเดินหน้าทำธุรกิจอย่างเต็มที่อีกครั้ง ซึ่งเป็นโอกาสให้ฟื้นฟูความเชื่อมโยง รื้อฟื้นความสัมพันธ์ และสานต่อความร่วมมือระหว่างกัน สำหรับประเด็นสำคัญของเอเปคปีนี้ ซึ่งอยู่บนแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ที่ไทยนำมาเป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาและการเติบโต ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างคุณค่า เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ไทยยังตระหนักว่าความท้าทายที่ประสบอยู่เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงและคาบเกี่ยวกัน ดังนั้น นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจ ดังนี้
-ประเด็นแรก การส่งเสริมความยั่งยืน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความท้าทายทางสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกและสภาพภูมิอากาศที่ล้วนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ จึงจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยไทยได้กำหนดให้ความยั่งยืนเป็นวาระสำคัญสูงสุดของเอเปคในปีนี้ และมุ่งมั่นที่จะนำเศรษฐกิจ BCG มาขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นในระยะยาว ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุม พร้อมทั้งหาหนทางที่เหมาะสมให้ธุรกิจยังสามารถมีผลกำไร
นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ทุกคนสามารถร่วมมือกันได้เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและพัฒนาการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น ความร่วมมือที่เข้มแข็งและความมุ่งมั่นจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ไทยกำลังสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยแก่ภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการลดของเสีย และการปล่อยก๊าซมลพิษ การค้าและการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ไทยกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 และกำลังเร่งพัฒนาระบบนิเวศเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งไทยหวังว่าจะได้ร่วมมือกับทุกฝ่ายต่อไป
-ประเด็นที่สอง การเจริญเติบโตที่ครอบคลุม ทุกฝ่ายสามารถร่วมมือกันและต้องมั่นใจว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังในเส้นทางการพัฒนา ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ที่ผลักดันให้มองไกลไปกว่าการสร้างผลกำไร และหันมาให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน เป็นประโยชน์ต่อทุกระดับในภูมิภาค โดยเอเปคผลักดันให้มีการปฏิรูปทางโครงสร้างและมาตรการที่จำเป็น และขจัดอุปสรรคของการทำธุรกิจ ทั้งการปฏิรูปกฎระเบียบภายใน การส่งเสริมบรรยากาศของการดำเนินธุรกิจและการลงทุน การช่วยเหลือ MSMEs การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และเอื้อต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เทคโนโลยีดิจิทัล และปัจจัยสนับสนุนอื่น ๆ
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึง การที่ไทยผลักดันการเสริมพลังสตรี และสนับสนุนการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบกับเยาวชนในโครงการ APEC Voices of the Future และได้รับแถลงการณ์เยาวชน (Youth Declaration) ซึ่งประเด็นสำคัญคือ การเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนและการปกป้องโลกเพื่อคนรุ่นหลัง
-ประเด็นที่สาม การมุ่งไปสู่ดิจิทัล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นมิติใหม่ของการสร้างอาชีพ และการเจริญเติบโตในภูมิภาค เอเปคจึงเน้นให้การมุ่งไปสู่ดิจิทัลเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในปีนี้ เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจทั้งในและนอกภูมิภาค โดยร่วมมือกันเพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ซึ่งจะเป็นตัวเร่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญท่ามกลางการฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคระบาด และส่งผลต่อการพัฒนาของภูมิภาคในระยะยาว
ทั้งนี้ เอเปคได้วางรากฐานในการปฏิรูปทางโครงสร้างให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขับเคลื่อนงานที่ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การค้าดิจิทัลและความเชื่อมโยง รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงานด้านอินเทอร์เน็ตและเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเปค อย่างไรก็ตาม เอเปคต้องดำเนินการร่วมมือกับภาคเอกชนในด้านดิจิทัลเพื่อลดช่องว่าง สร้างความตระหนักรู้และสร้างความรู้ทางดิจิทัล พัฒนาขีดความสามารถ และส่งเสริมทักษะทางดิจิทัล เพื่อสร้างความสามารถของภาคแรงงานในยุคดิจิทัล
สำหรับไทยมีการปรับตัวและปฏิรูปทางโครงสร้างที่จำเป็น ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีต้อนรับการลงทุน และแรงงานที่มีทักษะและแรงงานขั้นสูงเพิ่มเติมในภาคอุตสาหกรรมดิจิทัล รวมทั้งมีมาตรการจูงใจทั้งทางภาษีและไม่ใช่ภาษี นอกจากนี้ ไทยได้เปิดตัวโครงการตรวจลงตราประเภทผู้พำนักระยะยาว 10 ปี พร้อมสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล พร้อมจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล เป็นเขตนวัตกรรมดิจิทัลแห่งใหม่ และเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและนวัตกรรมของภูมิภาค
โดยในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยจะเสนอให้ผู้นำเอเปครับรองเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ในปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งจะกำหนดทิศทางของเอเปคไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน สนับสนุนความพยายามในการจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน ผลักดันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดขยะให้เป็นศูนย์ ซึ่งความสำเร็จนี้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากภาคเอกชน และการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ภูมิภาคก้าวไปข้างหน้า และเติบโตไปด้วยกันสู่อนาคตที่ยั่งยืน ครอบคลุม และสมดุล โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ทั้งนี้ การประชุม CEO Summit เป็นกิจกรรมของภาคเอกชนที่จัดขึ้นคู่ขนานกับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และถือเป็นหนึ่งในการรวมตัวของภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประจำปีที่สำคัญที่สุด โดยปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Embrace, Engage, Enable” มีการเชิญผู้นำ/ผู้แทนเขตเศรษฐกิจ ผู้นำภาคธุรกิจ และผู้นำทางความคิดเข้าร่วมงาน เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นสำคัญ เช่น อนาคตของโลก ความยั่งยืน การเติบโตที่ครอบคลุม การสาธารณสุขและสวัสดิการสุขภาพในยุคหลังโควิด-19 และการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล
นอกจากนี้ การประชุม CEO Summit ยังเป็นโอกาสให้นักธุรกิจในภูมิภาคได้สร้างเครือข่ายระหว่างกัน ซึ่งในปีนี้ มีผู้นำและผู้แทนที่เข้าร่วมกล่าวปาฐกถาและเสวนาในการประชุมฯ ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 มีทั้งหมด 5 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดีเวียดนาม ประธานาธิบดีชิลี รองประธานาธิบดีเปรู และนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 มีทั้งหมด 2 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ที่มา เว็บรัฐบาล
ภาพจาก เว็บรัฐบาล
TNNONLINE
APEC 2022 ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ยกย่องไทย "ระดับเวิลด์คลาส" จัดประชุมเอเปค 2022 ยอดเยี่ยม จัดงานได้มีประสิทธิภาพ ส่งผลภาพลักษณ์และศักยภาพระดับโลก
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนางรีเบคกา สตามาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ได้กล่าวในการประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคว่า ชื่นชมการเป็นเจ้าภาพงานประชุมเอเปค 2022 ของไทยในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ผู้นำจากเขตเศรษฐกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถกลับมาประชุมแบบพบหน้ากัน ในแง่โลจิสติกส์ สถานที่ต่างๆ ของไทยถือว่าอยู่ในระดับเวิลด์คลาสและจัดการได้เยี่ยมยอดเป็นการจัดเตรียมงานที่เป็นเลิศ เอาใจใส่ดูแลให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความปลอดภัยทั้งจากการเดินทางและจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ในแง่สารัตถะก็สามารถทำให้เกิดความคืบหน้าท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จปีหนึ่งของเอเปค
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า เสียงชื่นชมดังกล่าวเป็นการการันตีการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค 2022 ของไทย ที่สามารถจัดการได้อยู่ในระดับเวิลด์คลาส ยอดเยี่ยมภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่วางนโยบาย ควบคุมการจัดการประชุมให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นที่ประทับใจของนานาชาติ
และยิ่งเมื่อต้นปี 2565 ที่ GainingEdge บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกด้านอุตสาหกรรมการจัดงาน (MICE) ได้จัดอันดับให้กรุงเทพมหานครอยู่ในอันดับ 6 ของโลก “เมืองจุดหมายการประชุมนานาชาติ ปี 2564” และเป็นอันดับที่ 4 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของเมืองในการเป็นจุดหมายจัดการประชุมนานาชาติ โดยเป็นการประเมินคุณภาพของ 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ด้านสุขอนามัยหรือ Hygiene Factors 2. ด้านความได้เปรียบในการแข่งขันหรือ Competitive Advantages และ 3. ด้านการสร้างความแตกต่างหรือ Key Differentiators
เชื่อมั่นว่าเสียงชื่นชมการจัดประชุมเอเปคของผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปคและผู้เข้าร่วมอื่นๆ จะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยดึงดูดงานอีเว้นท์ใหญ่ๆ จากทั่วโลกให้เข้ามาจัดในประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นและมีรายได้กระจายไปทุกภาคส่วน ดังนั้นระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. นี้จะเป็นการประชุมผู้นำในเขตเศรษฐกิจ จึงเป็นโอกาสดีที่คนไทยทุกคนจะร่วมกันเป็นเจ้าบ้าน สร้างความประทับใจในเสน่ห์ทางวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อาหารกการกิน อัธยาศัยต้อนรับของคนไทย รวมถึงความปลอดภัยและสงบ ที่จะถูกส่งต่อและเผยแพร่ออกไปสู่สายตานานาประเทศ ให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีระดับโลก ที่ส่งผลถึงประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติในอนาคต
ข้อมูลจาก thaigov
ภาพจาก APEC 2022 Thailand
TNNONLINE
บช.น.แจ้งหลีกเลี่ยงเส้นทางในการประชุมเอเปค วันที่ 17 พ.ย.2565 เวลา 18.00 น. - 20.00 น. และ เวลา 21.00 น. - 23.00 น.
กองบัญชาการตำรวจนครบาล แจ้งว่า ขอประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ประชาชนทราบ ตามที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเอเปค ครั้งที่ 29 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบภารกิจการรักษาความปลอดภัยและจัดการจราจรให้แก่ผู้นำประเทศและผู้เข้าร่วมประชุม
เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติในการจัดการจราจรดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องปิดการจราจร ในวันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย.2565 เวลา 18.00 น. - 20.00 น. และ เวลา 21.00 น. - 23.00 น. ในบางเส้นทาง และบางช่วงบางเวลา จึงอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางของ พี่น้องประชาชน จึงแจ้งมาเพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมความพร้อมและวางแผนการเดินทาง
ขอเรียนเชิญชาวกรุงเทพฯ มาร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกร่วมกัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
หากมีข้อสงสัย ต้องการแจ้งข่าวหรือสอบถามเส้นทางการจราจร สามารถติดต่อได้ที่ 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
1. เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบ
1.1) เส้นทาง (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนพระราม 4-2
-ถ.เพลินจิต (แยกราชประสงค์ - แยกเพลินจิต )
-ถ.สุขุมวิท (แยกเพลินจิต – ซอยสุขุมวิท 22 )
-ถ.ราชดำริ (แยกราชประสงค์ – แยกศาลาแดง)
-ถ.วิทยุ (แยกเพลินจิต - แยกวิทยุ) -ถ.รัชดาฯ (แยกอโศกมนตรี – แยกพระราม4)
-ถ.พระราม4 (แยกศาลาแดง - แยกพระราม 4)
-ถ.สาทร (แยกวิทยุ - แยกนรินธร )
1.2) เส้นทางที่ได้รับผลกระทบ (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนยมราช -ถ.เพชรบุรี (แยกอุรุพงษ์ - แยกยมราช )
-ถ.พิษณุโลก (แยกยมราช – แยกสวนมิสกวัน )
-ถ.ราชดำเนินนอก (แยกสวนมิสกวัน – แยกจปร.)
-ถ.วิสุทธิกษัตริย์ -ถ.อรุณอัมรินทร์ (ตลอดสาย)
-สะพานพระราม 8
1.3) เส้นทางทางด่วน
-ทางขึ้นด่วนสุรวงศ์
-ทางลงด่วนสีลม
-ทางลงด่วนอุรุพงษ์
-ทางขึ้น/ลงด่วนยมราช -ต่างระดับพญาไท – ต่างระดับมักกะสัน
-ทางขึ้น/ลงด่วนเพลินจิต -ทางขึ้น/ลงด่วนพระราม 4/2
2. เส้นทางแนะนำประชาชน
2.1 เส้นทางแนะนำประชาชน (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนพระราม 4/2
-ถ.เพชรบุรี
-ถ.พญาไท
-ถ.อังรีดูนังต์
-ถ.สีลม -ถ.นราธิวาสฯ
-ถ.จันทน์
-ถ.สุนทรโกษา
-ซอยทองหล่อ
-ซอยเอกมัย
-ซอยสุขุมวิท 24
-ซอยแสนสบาย
-ซอยกล้วยน้ำไท
2.2 เส้นทางแนะนำประชาชน (พื้นราบ) ฝั่งขึ้น/ลง ด่วนยมราช
-ถ.ราชวิถี
-ถ.ศรีอยุธยา
-ถ.กรุงเกษม
-ถ.ประชาธิปไตย
-ถ.พระสุเมรุ
-ถ.ดินสอ
-ถ.ตะนาว
-ถ.บำรุงเมือง
-ถ.หลานหลวง
-ถ.จักรวรรดิ
-ถ.เจริญกรุง
-ถ.เยาวราช
-ถ.จรัญสนิทวงศ์
-ถ.พรานนก
-ถ.อิสรภาพ
-ถ.ประชาธิปก
-ถ.กรุงธนบุรี
-สะพานซังฮี้
-สะพานพระพุทธยอดฟ้า
-สะพานพระปกเกล้า
ภาพจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ภาพจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ข้อมูลจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ภาพจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล / TNN ONLINE
TNNONLINE
งานดุนโลหะ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ความภูมิใจ ของ ครูศิลป์ของแผ่นดิน วัย 68 ปี
ผลงานดุนโลหะ ของชุมชนวัวลาย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ชุมชนเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในการทำเครื่องเงินมายาวนานหลายร้อยปี ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในของที่ระลึกที่ประเทศไทยมอบให้กับผู้นำและคู่สมรส ที่เดินทางมาร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
พ่อครู ดิเรก สิทธิการ วัย 68 ปี ครูศิลป์ของแผ่นดิน และสล่าเครื่องเงินอีกเกือบ 20 ชีวิต ในชุมชนวัวลาย จึงร่วมรังสรรค์ผลงานครั้งนี้อย่างปราณีตสุดฝีมือ โดยของที่ระลึกที่รัฐบาลไทยจัดเตรียมไว้เพื่อมอบให้กับแขกพิเศษครั้งนี้ คือ ภาพดุนโลหะบนโลหะรีไซเคิล ขนาด 30 คูณ 60 เซนติเมตร รูปพระบรมมหาราชวัง และเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ พร้อมตราสัญลักษณ์การประชุมเอเปก รูปชะลอมสาน
ส่วนของที่ระลึกอีกชิ้น ที่ผลิตขึ้นเพื่อมอบให้กับคู่สมรสผู้นำเอเปค เป็น กล่องเครื่องประดับดุนโลหะ ขนาด 13 คูณ 20 เซนติเมตร ตรงกลางเป็นภาพตราสัญลักษณ์การประชุมเอเปค โดยผลิตขึ้นเพียงอย่างละ 27 ชิ้น และใช้เวลาในการทำประมาณ 2 เดือน หลังได้รับมอบแบบจากรัฐบาล
พ่อครู ดิเรก บอกว่า หลังมีข่าวเผยแพร่ออกไปว่าของที่ระลึกที่จะมอบให้กับผู้นำและคู่สมรส ในการประชุมเอเปค 2022 เป็นฝีมือของสล่าเครื่องเงินชุมชนวัวลาย ก็มีกระแสตอบรับที่ดีมาก มีคนที่ติดต่อมาขอเรียนเพิ่มขึ้น และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมก็มากขึ้นด้วย แม้ยอดการสั่งซื้อตอนนี้อาจยังไม่เพิ่มขึ้นทันที แต่คาดว่าหลังการประชุมเอเปคจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะผลงานครั้งนี้ ทำขึ้นอย่างปราณีตสุดฝีมือด้วยความภาคภูมิใจที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และชุมชนวัวลาย จังหวัดเชียงใหม่
พ่อครูดิเรก ยังฝากถึงหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ให้ช่วยเข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมงานหัตถกรรมเครื่องเงินของชุมชนวัวลายอย่างจริงจัง เพื่อให้มีคนสืบทอดงานช่างฝีมือการทำเครื่องเงิน และดุนโลหะ ภูมิปัญญาชาวบ้านให้ยั่งยืนต่อไป เช่น การจัดประกวดผลงานของสล่าช่างเงิน เพื่อให้กลุ่มช่างมีพื้นที่ในการแสดงผลงานให้เป็นที่แพร่หลายขึ้น เพราะปัจจุบันเหลือช่างฝีมืออยู่ในชุมชนวัวลายไม่ถึง 10 คนแล้ว ส่วนงานดุนโลหะยังไม่น่าห่วง เพราะได้เผยแพร่ความรู้ให้ลูกศิษย์ลูกหาที่สนใจมาร่ำเรียนไปแล้วจำนวนมาก
TNNONLINE
APEC 2022 ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ยกย่องไทย "ระดับเวิลด์คลาส" จัดประชุมเอเปค 2022 ยอดเยี่ยม จัดงานได้มีประสิทธิภาพ ส่งผลภาพลักษณ์และศักยภาพระดับโลก
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนางรีเบคกา สตามาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ได้กล่าวในการประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคว่า ชื่นชมการเป็นเจ้าภาพงานประชุมเอเปค 2022 ของไทยในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ผู้นำจากเขตเศรษฐกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถกลับมาประชุมแบบพบหน้ากัน ในแง่โลจิสติกส์ สถานที่ต่างๆ ของไทยถือว่าอยู่ในระดับเวิลด์คลาสและจัดการได้เยี่ยมยอดเป็นการจัดเตรียมงานที่เป็นเลิศ เอาใจใส่ดูแลให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความปลอดภัยทั้งจากการเดินทางและจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ในแง่สารัตถะก็สามารถทำให้เกิดความคืบหน้าท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จปีหนึ่งของเอเปค
น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า เสียงชื่นชมดังกล่าวเป็นการการันตีการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค 2022 ของไทย ที่สามารถจัดการได้อยู่ในระดับเวิลด์คลาส ยอดเยี่ยมภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่วางนโยบาย ควบคุมการจัดการประชุมให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นที่ประทับใจของนานาชาติ
และยิ่งเมื่อต้นปี 2565 ที่ GainingEdge บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกด้านอุตสาหกรรมการจัดงาน (MICE) ได้จัดอันดับให้กรุงเทพมหานครอยู่ในอันดับ 6 ของโลก “เมืองจุดหมายการประชุมนานาชาติ ปี 2564” และเป็นอันดับที่ 4 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของเมืองในการเป็นจุดหมายจัดการประชุมนานาชาติ โดยเป็นการประเมินคุณภาพของ 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ด้านสุขอนามัยหรือ Hygiene Factors 2. ด้านความได้เปรียบในการแข่งขันหรือ Competitive Advantages และ 3. ด้านการสร้างความแตกต่างหรือ Key Differentiators
เชื่อมั่นว่าเสียงชื่นชมการจัดประชุมเอเปคของผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปคและผู้เข้าร่วมอื่นๆ จะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยดึงดูดงานอีเว้นท์ใหญ่ๆ จากทั่วโลกให้เข้ามาจัดในประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นและมีรายได้กระจายไปทุกภาคส่วน ดังนั้นระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. นี้จะเป็นการประชุมผู้นำในเขตเศรษฐกิจ จึงเป็นโอกาสดีที่คนไทยทุกคนจะร่วมกันเป็นเจ้าบ้าน สร้างความประทับใจในเสน่ห์ทางวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อาหารกการกิน อัธยาศัยต้อนรับของคนไทย รวมถึงความปลอดภัยและสงบ ที่จะถูกส่งต่อและเผยแพร่ออกไปสู่สายตานานาประเทศ ให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีระดับโลก ที่ส่งผลถึงประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติในอนาคต
ข้อมูลจาก thaigov
ภาพจาก APEC 2022 Thailand