10-11-2022
11:15
08:39
08:39
08:39
09-11-2022
08-11-2022
22:40
17:26
16:43
15:32
09:17
07-11-2022
06-11-2022
05-11-2022
04-11-2022
17:48
16:28
16:28
11:46
11:02
10:57
10:54
02-11-2022
01-11-2022
18:56
14:49
14:49
14:49
31-10-2022
30-10-2022
ประชุม APEC 2022 รัฐบาลเชื่อมั่นความร่วมมือจากการประชุมเอเปคในสัปดาห์หน้า จะช่วยให้ภาคเอกชน และ MSMEs ได้รับประโยชน์และฟื้นตัวเร็วขึ้น
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชื่อมั่นถึงประโยชน์จากการประชุมเอเปคจะส่งผลสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคเอกชนภายหลังประสบกับความท้าทายสำคัญ ซึ่งไทยพร้อมหารือเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับเขตเศรษฐกิจ และภาคเอกชนที่จะมาร่วมการประชุม ในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เนื่องจากวิกฤตการณ์จากไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้การดำเนินธุรกิจในหลายๆ ภาคส่วนต้องหยุดชะงัก และซบเซาลงไปส่งผลให้ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็กซึ่งปรับตัวได้ยากกว่า เกิดจากข้อจำกัดของทรัพยากร การเปลี่ยนแปลงของตลาด และการขาดสมดุลทางการเงิน
ดังนั้น เมื่อรัฐบาลหลายๆประเทศผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ที่เกิดจากไวรัสโควิด – 19 มีการจัดการเพื่อต่อสู้กับความท้าทายได้ดีขึ้น จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่รัฐบาลได้หาแนวทาง กำหนดนโยบาย เพื่อสร้างโอกาสในการฟื้นฟูธุรกิจ MSMEs ซึ่งจากตัวเลขแล้ว สัดส่วนธุรกิจ MSMEs ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่มีมากถึง 98% และมีมูลค่า GDP ถึงกว่า 40-60%
การประชุมเอเปคครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ภาคธุรกิจจะพูดคุยถึงข้อเสนอ และแนวทางในการสนับสนุนธุรกิจ ให้สอดรับกับนโยบายในระดับสากล และเพื่อร่วมรับมือในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมกำหนดท่าทีของไทยที่จะรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ MSMEs ในเวทีความร่วมมือพหุภาคี พร้อมกับเชื่อมโยง MSMEs ไทยกับพันธมิตรธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมศักยภาพของ MSMEs ไทย ซึ่งเขตเศรษฐกิจเอเปคจะได้หารือถึงแนวทางใหม่ ๆ พร้อมทั้งฟื้นฟูและปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเปคทั้งหมด 4 ด้าน ประกอบด้วย
1. การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว
2. การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กพัฒนาได้เร็วขึ้น การมีทักษะดิจิทัลจะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า
3. การจัดหาเงินทุนและการปรับโครงสร้างหนี้
4. การรับมือกับตลาดที่กำลังพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไป การสร้างสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่สนับสนุนสตาร์ทอัพ ส่งเสริมนวัตกรรม เสรมสร้างการมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลก
นอกจากนี้ ในการประชุมเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ยังมีอีก 2 ไฮไลท์ที่จะเป็นเวทีหารือ สร้างเครือข่าย ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะระหว่างผู้นำกับภาคธุรกิจ ได้แก่
1. การประชุม APEC CEO Summit Thailand 2022 ซึ่งจะเป็นการพูดคุยประเด็นด้านธุรกิจ กับผู้นำแต่ละเขตเศรษฐกิจในกลุ่มเอเปค และ CEO ของบริษัทต่าง ๆ เพื่อสร้างเครือข่าย และลดความท้าทายของภูมิภาค และด้วยภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทายอื่นๆ
2. สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council (ABAC)) ซึ่งจะเป็นเวทีให้ได้เสนอแผนของการดำเนินธุรกิจ เพื่อการฟื้นตัวในช่วงหลังโควิด
การประชุมเอเปคครั้งนี้ รัฐบาลคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นโอกาสให้พูดคุย และดำเนินนโยบายได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจต่าง ๆ ในไทยให้ฟื้นตัวจากโควิดได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล การประชุมที่ประเทศไทยในครั้งนี้ จึงเป็นการพบปะกันที่สำคัญในรอบ 3 ปี ของเหล่าเขตเศรษฐกิจ ที่ประเทศไทยจะสามารถแสดงศักยภาพของผู้จัดการประชุม และเป็นเวทีเพื่อสร้างโอกาสการเจริญเติบโตให้กับเขตเศรษฐกิจและภาคเอกชนได้อย่างเต็มที่
ข้อมูลจาก Thaigov
ภาพจาก AFP / APEC 2022 Thailand
APEC2022, เอเปค 2022, APEC 2022, APEC2022, เอเปค, เอเปค2022, ประชุมApec, ประชุมเอเปค ,ประชุม Apec, Apec, apec คือ, เจ้าภาพ APEC, เศรษฐกิจเอเปค, apec 2022 thailand
APEC 2022 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมครั้งใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนานาชาติและประชาชน ก่อนการประชุม APEC 2022 จะมีขึ้น โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ระดมกวาดล้างปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนเถื่อน อาวุธปืนสงคราม ยาเสพติด และหมายจับค้างเก่า ในระหว่างวันที่ 10 ต.ค. ถึง วันที่ 8 พ.ย.2565
พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 11,811 คดี / ผู้ต้องหา 10,450 ราย / อาวุธปืนสงคราม 36 กระบอก / ปืนไม่มีทะเบียน 5,345 กระบอก / ปืนมีทะเบียน 936 กระบอก / วัตถุระเบิด 4,342 รายการ และเครื่องกระสุน 37,045 นัด
ส่วนผู้ต้องหาคดียาเสพติด มีทั้งสิ้น 41,803 คดี / ผู้ต้องหา 43,027 ราย ของกลางยาบ้า 49,580,083 เม็ด นอกจากนี้ยังมีการจับกุมบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 9,465 หมายจับ ผู้ต้องหา 9,255 ราย
สำหรับงานสืบสวนสอบสวนได้มีการระดมเร่งรัดหมายจับค้างเก่าทั้งประเทศ ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมหมายจับค้างเก่าไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ส่วนด้านการป้องกันปราบปราม มีการระดมจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับอาวุธปืนและยาเสพติด โดยมีการขยายผลต่อเนื่องไปถึงต้นทางการผลิต และใช้วิธีการปราบปรามอย่างครบถ้วนทุกมิติ
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมเตรียมความพร้อมรับการประชุมเอเปค ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้มีการกำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ลงพื้นที่ตรวจสอบการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ
ภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ