
นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) พบว่า ในวันนี้สถานการณ์ฝุ่นภาพรวมของประเทศดีกว่าขึ้นกว่าเมื่อวาน
โดยพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานครมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นและเริ่มกลับสู่เกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคใต้คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีทุกจังหวัด เช่นเดียวกับภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สถานการณ์ฝุ่นดีขึ้นเนื่องจากมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้อากาศเปิดและลดฝุ่นในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก ส่วนภาคเหนือตอนบนสถานการณ์ฝุ่นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี จะมีพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่ยังมีค่าเฉลี่ยของฝุ่นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในห้วงถัดไปคาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2568 จะมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดมาทำให้สถานการณ์ฝุ่นในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สรุปข่าว
“แม้วันนี้สถานการณ์ภาพรวมฝุ่นทั้งประเทศจะดีขึ้นแต่ยังคงต้องติดตามสภาพอากาศซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจเพิ่มหรือลดความรุนแรงของฝุ่น บกปภ.ช. ยังคงย้ำทุกหน่วยงานและจังหวัดเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ รวมถึงควบคุมปัจจัยสำคัญที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น ได้แก่ การเผาในที่โล่งซึ่งทำให้เกิดจุดความร้อนเพิ่มขึ้น โดยขอให้ทุกจังหวัดวางแผนรับมือสถานการณ์ฝุ่นตามการคาดการณ์เพื่อป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเพิ่มพลังมวลชนในพื้นที่ขับเคลื่อนกิจกรรม Kick off เคาะประตูบ้าน “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการการห้ามเผา และทราบถึงโทษที่จะได้รับ รวมถึงมีส่วนร่วมในการไม่เผา เพื่อสร้างอากาศที่ดีให้กับทุกคน
ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สองของการรณรงค์เคาะประตูบ้านฯ และมีจังหวัดที่ประกาศห้ามเผาเพิ่มขึ้นเป็น 47 จังหวัด ซึ่งประชาชนมีความตื่นตัว และให้ความร่วมมือกับกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังได้ขยายความร่วมมือไปยังสถานประกอบการที่ประกอบกิจการที่ทำให้เกิดควันไฟสร้างความรบกวนและเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่
โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการหยุดกิจการที่มีการเผาที่ก่อให้เกิดฝุ่นควัน และจังหวัดยังได้ออกประกาศห้ามบุคคลทำการเผาในที่โล่ง และ ห้ามเผาโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะมีโทษ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอฝากประชาชนหากพบเห็นผู้กระทำความผิดให้แจ้งได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม ตำรวจ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทุกแห่ง เพื่อที่จะได้ร่วมใจกันสร้างอากาศที่ดีคืนพี่น้องประชาชน“ นายสหรัฐ รองอธิบดี ปภ. กล่าว
ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้เตรียมพร้อมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย สนับสนุนจังหวัดที่มีสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ในการควบคุมสถานการณ์ แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบที่มีต่อประชาชน ซึ่งปัจจุบันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 ไปประจำการ ณ ฐานปฏิบัติการกองพลทหารราบที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1 ลำ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์และรายงานข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ X @DDPMNews หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเรื่องได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” @1784DDPM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง"