ดีอี จ่อเชิญเอกชนชี้แจงพ.ร.ก.ไซเบอร์ คาดมีผลบังคับใช้ปลายเดือนมีนาคม

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี  กล่าวถึงความคืบหน้าการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ว่าขณะนี้ได้เหยื่อที่พัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้น เมื่อวานนี้ได้ออกหมายจับเพิ่มกว่า 100 คน ทั้งนี้กระทรวงดีอี ได้ติดตามเรื่องการตัดสัญญาณโดยให้รายงานในวันจันทร์ทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะเสาสัญญาณ สาย การใช้ซิมโทรศัพท์  โดยได้รับรายงานเป็นไปได้ด้วยดีและมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง ยังไม่พบเหตุผิดปกติ  

ส่วนกรณีพบปัญหาฝั่งไทยใช้สัญญาณโทรศัพท์ไม่ได้  นายประเสริฐ ยอมรับว่ามีบ้าง แต่เมื่อวันที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ได้สั่งให้ กสทช. ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะมีการเพิ่มจุดสัญญาณบางจุดในพื้นที่ไทย แต่จะไม่เพิ่มจุดสัญญาณในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ยืนยันการเพิ่มจุดสัญญาณในฝั่งไทยไม่มีผลต่อฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีตัววัดสัญญาณอยู่แล้ว  ยอมรับว่าที่ผ่านมาบริษัทเอกชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากนายกรัฐมนตรีสั่งตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต เห็นได้จากการให้มายืนยันความเป็นเจ้าของในสายสัญญาณ หากบริษัทใดไม่มียืนยันก็ดำเนินการตัดทิ้ง ขณะนี้มีประมาณ 10 รายที่ได้ดำเนินการตัดทิ้งไปแล้ว  ส่วนบริษัทที่มายืนยันก็สามารถใช้บริการได้ แต่หากพบว่าสายอินเทอร์เน็ตที่ยังใช้ได้ และลากไปสู่ตึกอาคารที่สงสัยให้กับกลุ่มมิจฉาชีพก็จะดำเนินการตัดทันที  สำหรับสายที่ลากใต้ดินที่ยังไม่มีบริษัทใดรับผิดชอบ  นายประเสริฐ กล่าวว่า จะต้องมีการตรวจสอบ ถ้าบริษัทใดปฏิเสธก็ต้องตัด เป็นเรื่องไม่ยาก 

ดีอี จ่อเชิญเอกชนชี้แจงพ.ร.ก.ไซเบอร์ คาดมีผลบังคับใช้ปลายเดือนมีนาคม

สรุปข่าว

“ประเสริฐ” ระบุ ผลมาตรการตัดอินเทอร์เน็ตฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้ผลดี ติดตามผลทุกสัปดาห์ ยืนยัน กระทบคนไทย แต่เพิ่มจุดสัญญาณฝั่งไทยใช้โทรศัพท์ได้ปกติ เผยเตรียมเรียกธนาคาร เทลโก้ และแพลตฟอร์มเข้าพูดคุยแจงใช้ พ.ร.ก.ไซเบอร์ กำหนดมาตรการชดใช้ความเสียหายให้ชัดเจนในเร็วนี้

นายประเสริฐ ยังเปิดเผยถึงตัวเลขภายหลังตัดสายสัญญาณแล้ว ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลง ว่า เท่าที่คุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลดลงถึงร้อยละ 20 และพบว่าการใช้ลดลงอย่างมาก สถิติคดีก็ลดลง  ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ  AOC สายด่วน 1441 พบว่าประชาชนยังโทรเข้าไปร้องเรียน 3,000 สายต่อวัน  ซึ่งจากการเปิดศูนย์ผ่านไป  1 ปีมีตัวเลขความเสียหายลดลงร้อยละ 40 เมื่อใช้มาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ลดลงอีกร้อยละ 20 ดังนั้นตัวเลขทิศทางดีขึ้นเรื่อยๆ  ความเสียหายก็ลดลง จากที่เมื่อก่อนเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท ขณะนี้เมื่อมาตรการที่เข้มข้นตัวเลขที่ยังไม่นิ่งจะต่ำกว่า 50 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งค่าความเสียหายจากการหลอกให้ลงทุนยังมาเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะการลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ ลงทุนเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นความเสียหายในต้นๆ  ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นมากแต่ค่าความเสียหายน้อย และลดลงอย่างมีนัยยะคือเรื่องซื้อของไม่ตรงปก เนื่องจากได้มีมาตรการจ่ายเงินภายใน 5 วัน ประชาชนแกะของดูก่อนได้ค่อยจ่ายเงิน ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาได้ดี  


นายประเสริฐ ยังเปิดเผยว่า ส่วนพระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ พ.ร.ก.ไซเบอร์ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยเพิ่มมาตรการให้ธนาคาร และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนกฤษฎีกาตรวจสอบกฎหมาย คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้  หลังจากนั้นจะเรียกสถาบันการเงิน บริษัทโทรคมนาคม หรือ เทลโก้ และแพลตฟอร์มเข้ามาพูดคุยทีละกลุ่ม โดยจะชี้แจงมาตรการส่วนที่มีความรับผิดชอบในค่าความเสียหายสำหรับประชาชนว่าทั้ง 3 กลุ่มนี้จะต้องดำเนินการอย่างไร มีตัวชี้วัดต้องมีส่วนในความรับผิดชอบอย่างไร  เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงาน ก่อนจะมีการประกาศใช้ภายในเดือนนี้ 

ที่มาข้อมูล : tnn

ที่มารูปภาพ : tnn

avatar

Sidapak Sakboonyarat
(Sidapak Sakboonyarat)

แท็กบทความ

ประเสริฐ
ดีอี
ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์
ตัดไฟฟ้า -สัญญาณเน็ต
พ.ร.ก.ไซเบอร์