TNN 'กิลเยร์โม่ โอชัว' ตำนานรุ่น 3 นายด่านไซส์มินิแห่ง 'ทีมชาติเม็กซิโก'

TNN

ฟุตบอลโลก 2022

'กิลเยร์โม่ โอชัว' ตำนานรุ่น 3 นายด่านไซส์มินิแห่ง 'ทีมชาติเม็กซิโก'

'กิลเยร์โม่ โอชัว' ตำนานรุ่น 3 นายด่านไซส์มินิแห่ง 'ทีมชาติเม็กซิโก'

หลังจากที่ กิลเยร์โม่ โอชัว นายด่านหัวฟูทีมชาติเม็กซิโก สร้างปรากฏการณ์ในศึก เวิลด์คัพ จนแทบจะเป็นกิจวัตร ด้วยการเซฟจุดโทษของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ช่วยให้ทัพ จังโก้ เสมอกับ ทีมชาติโปแลนด์ ไปแบบไร้สกอร์ ซึ่งแน่นอนว่าการเซฟจุดโทษประเดิม ฟุตบอลโลกของ โอชัว ตกเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง

โอชัว เซฟจุดโทษของ เลวาน ในเกมที่ 131 ในการลงเฝ้าเสารับใช้ชาติบ้านเกิด แถมยังทำสถิติเทียบเท่ากับตำนานนายด่านอย่างแดน จังโก้ อย่าง ฮอร์เก้ คัมโปส เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหากสังเกตุดีในตำแหน่งนายทวารของพลพรรค จังโก้ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นนายด่านร่างเล็กทั้งสิ้น แถมยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจที่สืบต่อกันมาแบบรุ่นต่อรุ่น 


หากจะพูดถึงนักฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตู แน่นอนส่วนสูงความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในฟุตบอลยุคปัจจุบัน ที่มีผู้รักษาประตูร่างโย่งมากมายจนเกิดเทรนด์นายด่านยุคใหม่ขึ้นทั้ง ดาบิด เด เคอา ,ธีโบต์ กูร์กตัวร์ ,เกป้า อาร์ริซซาบาลาก้า ,อูโก้ โยริส ,มานูเอล นอยเออร์ ไปจนถึง จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ขณะที่ในศึกพรีเมียร์ลีกมีค่าเฉลี่ยส่วนสูงของผู้รักษาประตูอยู่ที่ 190 เซนติเมตร นานๆจะเห็นโกลตัวเล็กสักที เหมือนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้นายด่านหัวเหม่งชาวฝรั่งเศสอย่าง ฟาเบียง บาร์กเตซ อยู่พักใหญ่รวมไปถึง ลิเวอร์พูล ที่มี เปเป้ เรน่า จนกลายเป็นหนึ่งในตำนานจอมหนึบของทัพ หงส์แดง 


อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมา ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้รักษาประตูตัวเล็กที่เฉิดฉายอยู่ในโลกลูกหนังเลยซะทีเดียว และหากจะพูดถึงผู้รักษาประตูสัก 1 คนที่มีคำจำกัดความว่า “ผู้รักษาตัวเล็ก”เชื่อว่าชายไทยวัย 30-45 ปีก็น่าจะพอเดาออกกับตำนานผู้รักษาประตูจอมสีสันทีมชาติเม็กซิโกอย่าง ฮอร์เก้ คัมโปส นายด่านเลือดจังโก้อย่างแน่นอน


โดยแม้ว่า คัมโปส จะมีส่วนสูงเพียง 168 เซนติเมตร แต่ผู้รักษาประตูสายรุ้งรายนี้สามารถชดเชยส่วนสูงของตนเองได้ด้วยสปริงข้อเท้ากับจังหวะกระโดดลอยตัวอยู่กลางอากาศได้นานอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยนอกจากงานหลักคือการป้องกันประตูแล้ว งานอดิเรกของนายด่านตัวจิ๋วรายนี้คือการสังหารประตูคู่แข่งด้วย คัมโปส คือผู้แหกกฏที่ผู้รักษาประตูควรมี ทั้งรูปร่าง และการเล่นแบบผาดโผน เรียกสารอะดรีนาลีนให้กับเหล่าบรรดาคุณผู้ชมทุกครั้งที่มีโอกาสลงสนาม แถมนอกจากลีลาการเฝ้าเสาอันโดดเด่นแล้ว อีกหนึ่งเครี่องหมายการค้าของ คัมโปส ก็คือ ยูนิฟอร์มที่มีสีสัน ฉูดฉาด บาดตา บาดใจ 


หากยังจำกันใจในศึกฟุตบอลโลกปี 1994 ชุดโกลของ คัมโปส เป็นอะไรที่ถูกพูดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่หารู้ไม่ว่ายูนิฟอร์มจอมสีสันของ คัมโปส มาจากงานคราฟต์ ที่ คัมโปส ลงมือดีไซน์และผลิตขึ้นมาด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ชีวิตการค้าแข้งของ คัมโปส ไม่สามารถเข้ากับสไตล์บอลยุโรปได้ แม้จะมีสโมสรหลายๆที่สนใจดึงตัวไปร่วมทีมก็ตาม


คัมโปส เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล ในปี 1988 กับ พูมาส ในบ้านเกิดประเทศเม็กซิโก โดยที่มาของการที่เจ้าได้เล่นเป็นกองหน้าด้วยเกิดขึ้นจากในเวลานั้น พูมาส มีประตูมือ 1 มือขวางหน้า คัมโปส อยู่ โค้ชของ พูมาส ที่มองเห็นแววของ คัมโปส จึงจัดให้นายด่านรายนี้รับบทกองหน้าของทีมอีกหนึ่งตำแหน่ง ก่อนจะกลายเป็นอีกหนึ่งหมายการค้าของ คัมโปส และกลายเป็นแรงบันดาลใจของผู้รักษาประตูตัวเล็กทั่วโลก คัมโปส ติดทีมชาติเม็กซิโก ตั้งแต่ปี  1991-2004 ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมา 3 ครั้ง ในปี 1994,1998, 2002  ติดทีมชาติรวมทั้งสิ้น 130 นัด 


หลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ เจ้าตัวยังคงคลุกคลีอยู่กับวงการฟุตบอล โดยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชของ ริคาร์โด้ ลาโวเป้ เฮดโค้ชทีมชาติเม็กซิโก และยังทำหน้าที่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการทีมชาติในชุดที่ลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2006 อีกด้วย นอกจากงานด้านฟุตบอล เจ้าตัวยังเป็นเจ้าของ แฟรนไชส์ ธุรกิจร้านอาหารชื่อ Sportortas-Campos ที่ดังในเมนู Torta หรือแซนวิสสไตล์เม็กซิกันด้วย หลังจากที่หมดยุคของ คัมโปส ทีมชาติเม็กซิโก ก็ยังคงคอนเซปต์ผู้รักษาประตูตัวเล็ก ตามรอยตำนานอย่าง ฮอร์เก้ คัมโปส โดยมีผู้รักษาประตูหัวโล้นอย่าง ออสการ์ เปเรซ มารับช่วงต่อ หลังจากที่เป็นมือสอง เรียนรู้วิชาจาก คัมโปส ในรั้วของทัพ ‘จังโก้’ มาตั้งแต่ปี 1997


ออสการ์ เปเรซ มีฉายาว่า ‘El Conejo’ ซึ่งเป็นภาษาสเปนที่แปลว่า กระต่าย จากสปริงข้อเท้าอันยอดเยี่ยมที่เรียนรู้วิชามาจากรุ่นพี่อย่าง ฮอร์เก้ คัมโปส  โดย เปเรซ สูงกว่า คัมโปส เพียง 3 เซนติเมตรเท่านั้น (171 เซนติเมตร) แถมยังมีรูปร่างที่ท้วมกว่า คัมโปส ด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหากับ เปเรซ ในการยืนเฝ้าหน้าปากประตูแต่อย่างใด โดย เปเรซ ผ่านศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย มาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2002 และ 2010 นอกจากนี้เจ้าตัวยังอยู่ในชุดแชมป์ ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชั่นคัพ ในปี 1999 ด้วย นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ อีก 3 สมัยในปี 1998, 2003 และ 2009


นอกจากรูปร่างที่ส่วนสูงไม่หนีกันมาก จังหวะการกระโดดจากคัมภีร์เม็กซิกันแล้ว เปเรซ ก็ไม่ได้น้อยหน้ารุ่นพี่อย่าง คัมโปส ในเรื่องของการสังหารประตู เพราะเจ้าตัวเคยยิงประตูได้ทั้งถุงมือมาแล้ว ในสมัยรับใช้ทัพ ‘จังโก้’ รุ่น U23 โดย เปเรซ ขึ้นมาโหม่งประตูตีเสมอ เกาหลีใต้ ในเกมอุ่นเครื่อง ส่วนในระดับสโมสร เปเรซ เฝ้าเสาให้ ครูซ อาซูล มากกว่า 400 เกมแถมยังเคยยิงประตูได้ด้วย จากการขึ้นมาโหม่งตามตีเสมอ เอสตูเดียนเตส เมื่อปี 2007  


เดือนเมษายน ปี 2017 เปเรซ โหม่งทำประตูอีกครั้ง โดยเจ้าตัวเล่นให้ ปาชูก้า ก่อนโหม่งตีเสมอใส่ทีมเก่าอย่าง ครูซ อาซูล ในช่วงทดเจ็บ แถมยังจารึกสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุดในลีกของเม็กซิโก ที่ยิงประตูได้ นั่นจึงไม่แปลกที่ เปเรซ จะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของ เม็กซิโก ตั้งแต่ปี 1998 จนถึงปี 2002 เปเรซ อำลาทีมชาติเม็กซิโก เมื่อปี 2010 ซึ่งก่อนที่เขาจะบอกลาการรับใช้ชาติ เปเรซ ก็ถ่ายทอดวิชาให้กับนายด่านรุ่นเจ้าของส่วนสูง 183 เซนติเมตรอย่าง กิลเยร์โม่ โอชัว ที่ ณ เวลานั้น ก้าวขึ้นมายึดมือ 1 ของทัพ ‘จังโก้’ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


โอชัว เริ่มต้นค้าแข้งกับ คลับ อเมริกา ในบ้านเกิด ด้วยวัยเพียง 18 ปี เฝ้าเสาเป็นจำนวนถึง 239 เกมรวมทุกรายการ อย่างไรก็ตามมรสุมชีวิตก็มาเยือน โอชัว ในปี 2011 เมื่อเจ้าตัวไม่ผ่านการตรวจหาสารกระตุ้นในศึก คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ และโดนแบนตลอดทัวร์นาเมนท์ ก่อนจะตัดสินใจย้ายมาค้าแข้งกับ อฌัคซิโอ้ ในฝรั่งเศส 


ช่วงเวลาที่ โอชัว ถูกพูดถึงมากที่สุด ก็น่าจะเป็นในศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล โดย โอชัว ถูกพูดบนทวิตเตอร์มากถึง 1,967,657 ครั้ง แถมถูกนำไปทำภาพล้อเลียนอีกจำนวนมากขึ้นมาในสังคมออนไลน์ จากเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ เม็กซิโก พบกับ บราซิล ที่โชว์ผลงานเซฟเวอร์วังอลังการเหมือนกับออกมาจากการ์ตูน จนได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ 


ด้วยความเหนียวหนึบส่งผลให้มีการปล่อยข่าวลือมากมายในโลกออนไลน์ หนึ่งในนั้นคือการลือว่า โอชัว เป็นผู้เล่นที่มือขวามี 6 นิ้ว ส่งผลให้มีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในการรักษาประตู อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการอำเล่นกันเท่านั้น ซึ่ง โอชัว เคยตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล มาแล้วเมื่อฤดูกาล 2013 ก่อนที่ หงส์แดง จะหันไปคว้าตัว ซิมง มิโญเลต์ ในท้ายที่สุด ส่วน โอชัว ก็ย้ายจาก อฌัคซิโก้ ไปผจญภัยในสเปนกับ มาลาก้า และ กรานาด้า รวมไปถึง สตองดาร์ ลีแอช ในเบลเยี่ยม ก่อนกลับมาสู่บ้านเกิดอีกครั้งกับสโมสรอู่ข้าวอู่น้ำอย่าง คลับ อเมริกา ในปี 2019 


ถึงตอนนี้ โอชัว ลงรับใช้ทีมชาติเม็กซิโกไปแล้วถึง 131 เกม เทียบเท่ากับตำนานนายด่านอย่างแดน จังโก้ อย่าง ฮอร์เก้ คัมโปส เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งฟุตบอลโลกที่กาตาร์หนนี้ ด้วยวัย 37 ปี น่าจะเป็นบอลโลกครั้งสุดท้ายของ โอชัว และนั่นก็คือเรื่องตำนานผู้รักษาประตูตัวเล็ก ที่อยู่คู่กับทัพ ‘จังโก้’ ทีมชาติเม็กซิโก มาอย่างยาวนานร่วมหลายทศวรรษนั่นเอง


ที่มาภาพ : AFP