ผู้นำไต้หวันเยือนฮาวายสุดอบอุ่น

ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวัน เริ่มการเยือนสหรัฐฯ ที่ฮาวายเมื่อวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเวลา 2 วัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวในภูมิภาคแปซิฟิก หลังจากที่ประกาศว่าเกาะไต้หวันซึ่งมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย จะเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพทั่วโลก

ขณะที่จีนได้เพิ่มแรงกดดันทางทหารต่อไต้หวัน รวมถึงการซ้อมรบสองครั้งในปีนี้ จีนมองว่าไหลเป็นบุคคลที่สนับสนุนการแยกตัว และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 พ.ย.) จึงได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ระมัดระวังอย่างยิ่งในความสัมพันธ์กับไต้หวัน

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงได้บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า จีนอาจจัดการซ้อมรบเพิ่มเติมในช่วงเวลาเดียวกับที่ไหลกำลังเดินทางในทัวร์แปซิฟิก ซึ่งจะมีการแวะพักที่กวม ดินแดนของสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของไหลนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ไล่ ชิงเต๋อ จะพักที่ฮาวายเป็นเวลา 2 คืน ก่อนเดินทางไปยังหมู่เกาะมาร์แชลล์ ทูวาลู และปาเลา ซึ่งเป็น 3 ประเทศใน 12 ประเทศที่ยังคงมีการติดต่อทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไทเป และเป็นพื้นที่ที่จีนได้พยายามเสริมอิทธิพลมากขึ้น

ก่อนเดินทาง ผู้นำไต้หวันได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ขอขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนในหลักการเรื่องความปลอดภัย เกียรติยศ ความสะดวกสบาย และความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้"

จอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวายได้แถลงหลังจากที่เขาและนายกเทศมนตรีของเมืองโฮโนลูลู พร้อมกับหัวหน้าตำรวจเมืองได้ให้การต้อนรับไหลที่สนามบินฮอนโนลูลูว่า การพบกันครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่สะท้อนถึงค่านิยมร่วมของฮาวายในการมีความยืดหยุ่นและความร่วมมือกับไต้หวัน นอกจากนี้ ผู้ว่าการรัฐฮาวายได้เชิญผู้นำไต้หวันเข้ารับฟังการบรรยายเกี่ยวกับการจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติด้วย

อินกริด ลาร์สัน ผู้อำนวยการสำนักงานประจำกรุงวอชิงตันของสถาบันอเมริกันในไต้หวัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นสถานทูตสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการในไต้หวัน ก็ได้เข้าร่วมต้อนรับไหลที่สนามบินด้วย

ด้านสำนักข่าวกลางของไต้หวัน (CNA) รายงานว่า การต้อนรับครั้งนี้ได้เกินความคาดหมายเมื่อเทียบกับการเยือนในอดีต โดยระบุว่า การแวะพักของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการต้อนรับที่สนามบิน โดยมีการปูพรมแดงและมอบดอกไม้ ซึ่งเป็นการให้เกียรติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ต่างจากการเข้าออกสนามบินในรูปแบบเดิม และระดับการต้อนรับครั้งนี้ยังเกินมาตรฐานที่ผ่านมา