อินโดนีเซียทำงานกับแข่งเวลา หลังยอดเสียชีวิตแผ่นดินไหวยังพุ่งสูง
แผ่นดินไหวขนาด 5.6 ในจังหวัดชวาตะวันตกของอินโดนีเซีย สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา ขณะที่มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 268 คน สูญหาย 151 คน
---ยอดผู้เสียชีวิตเหตุแผ่นดินไหวพุ่ง 268 คน---
เจ้าหน้าที่กู้ภัยของอินโดนีเซีย แข่งกับเวลาเร่งขุดค้นตามซากปรักหักพัง เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตในวันนี้เป็นวันที่ 3 ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 268 คน สูญหาย 151 คน และบาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน โดยสิ่งที่ทำให้การค้นหายากลำบาก คือ ซากปรักหักพังขนาดมหึมา และถนนที่เสียหายและถูกตัดขาด
เจ้าหน้าที่ตัวแทนของสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติ ยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นเด็ก เพราะในเวลาเกิดเหตุประมาณ 13.00 น. เด็ก ๆ ยังอยู่ที่โรงเรียน และพบว่าโรงเรียนอย่างน้อย 80 แห่งได้รับความเสียหาย
‘อพริซอล มูลยาดี’ นักเรียนชายวัย 14 ปี บอกกับสื่อมวลชนว่า ขณะที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวเขาอยู่ที่โรงเรียน ห้องเรียนของเขาถล่ม ทำให้ขาของเขาถูกฝังอยู่ใต้ซาก แต่เพื่อนของเขาก็ช่วยดึงอกมาได้อย่างปลอดภัย แต่สุดท้ายเพื่อนที่ช่วยเหลือเขาก็เสียชีวิต เนื่องจากติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
นอกจากนี้ ‘มูลยาดี’ ยังบอกว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนทำให้มีเพื่อนอีกจำนวนมากที่ติดอยู่ใต้ซากเหล่านั้น
---บ้านเรือนเสียหายและมีผู้อพยพในหลักหมื่น---
สำนักงานป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซีย หรือ BNPB เปิดเผยเพิ่มเติมว่า มีบ้านเรือน 22,000 หลังได้รับความเสียหาย และประชาชนกว่า 58,000 คน ต้องไปอาศัยอยู่ในศูนย์หลบภัยชั่วคราวหลายแห่งในภูมิภาค
นอกจากนี้ แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มฝังหลายหมู่บ้านใกล้เมืองชิอันจัวร์ด้วย
---‘โจโกวิ’ เผย จะจ่ายเงินชดเชยสำหรับผู้ประสบภัย---
ขณะที่ประธานาธิบดี ‘โจโก วิโดโด’ ของอินโดนีเซียเดินทางเยือนพื้นที่ประสบภัยหลายแห่งเมื่อวานนี้ กล่าวว่า รัฐบาลจะจัดสรรเงินชดเชยให้กับเจ้าของบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายหนักรายละประมาณ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 110,000 บาท และบอกด้วยว่า บ้านเรือนควรจะสร้างให้มีความแข็งแรงสามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ด้วย
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง เนื่องจากอยู่ในแนวพื้นที่วงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) โดยมีประวัติเคยเกิดสึนามิเช่นกัน ซึ่งเมื่อปี 2018 ก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิที่เกาะสุลาเวสี โดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 คน
—————
แปล-เรียบเรียง: พิชญาภา สูตะบุตร
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง: