ส่งออกเฮ ! เงินบาทพลิกอ่อนค่ารั้งอันดับ 2 ในภูมิภาคเป็นเพราะอะไร
"รุ่ง"มองเงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหว 37.70-38.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มอ่อนค่า หลัง เงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงกว่าตลาดคาด จับตาสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน เปิดสถิติตั้งแต่ 1 ต.ค. -12 ต.ค.เงินบาทอ่อนรั้งอันดับ 2 รองจากรูปีอินเดีย
น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 37.70-38.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 8.2%สูงกว่าคาด 8.1% ส่งผลให้ดอลลาร์ได้แรงหนุนทำให้ เงินบาทและสกุลเงินภูมิภาคจะถูกเทขาย จากการคาดการณ์เรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องและเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 6.6% โดยตลาดคาดไว้ที่ 6.5% เทียบปีต่อปี ซึ่งสูงเกินคาด ตลาดจะเข้าสู่ภาวะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและเข้าถือครองดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน และแนวทางมาตรการควบคุมโรคซึ่งจะกระทบ sentiment ภาคการท่องเที่ยวของไทยในระยะถัดไป
สำหรับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค 1 ต.ค.-12 ต.ค.พบว่ารูปี-อินเดียอ่อนค่า 1.18% รองลงมาคือบาท-ไทย 1.14 % ริงกิต-มาเลเซีย 1.01% รูเปียห์-อินโดนีเซีย 0.99%หยวน-จีน 0.68% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.46% ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.36% ดอง-เวียดนาม 0.33% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.20%ยกเว้น วอน-เกาหลีใต้แข็ง 0.19 %
โดยเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่า โดยเหวี่ยงตัวขึ้นลงถึงสัปดาห์ละกว่า 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐการอ่อนค่าในรอบนี้เกิดจากกระแสเงินทุนไหลออก หลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯสดใสเกินคาด สนับสนุนให้เฟดสามารถสู้กับเงินเฟ้อด้วยการขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไป โดยตั้งแต่ (3-11 ต.ค. )ต่างชาติ ขายหุ้น 5 พันล้านบาท และพันธบัตรไทย 3 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาทองคำที่ร่วงลงแรงกระตุ้นการนำเข้าทองด้วยบางส่วน รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในจีนพุ่งขึ้นอีกครั้ง บั่นทอนความหวังที่ว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยในอนาคตอันใกล้ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยรุมเร้าค่าเงินบาท
ที่มา น.ส. รุ่ง สงวนเรือง
ภาพประกอบ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา