เล่าทั้งน้ำตา "ใจบัว ฮิดดิง" ต้องพบจิตแพทย์ หลังถูกตำรวจลวนลาม เผยความคืบหน้าคดี
"ใจบัว ฮิดดิง" พร้อมด้วย "ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด" ตั้งโต๊ะแถลงความคืบหน้าคดี หลังเจอตำรวจนายหนึ่งทำอนาจาร ซึ่งล่าสุดผู้ต้องหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ให้การปฏิเสธ
หลังนักแสดงสาว "ใจบัว ฮิดดิง" พร้อมด้วย "ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด" เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจรายหนึ่ง ข้อหาอนาจาร ซึ่งล่าสุดวันนี้ 9 ส.ค. ใจบัวและทนายตั้ม ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเผยว่า ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับทางสารวัตร สน.หนึ่งไป ในเรื่องอนาจาร และได้พาน้องไปดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว และความคืบหน้าของคดี ทราบว่าทางผู้ต้องหาไปรับทราบข้อกล่าวหาและพิมพ์รายนิ้วมือแล้วแต่ให้การปฏิเสธ
แต่ในส่วนเรื่องของวินัยได้มีการคุยกับผู้กำกับ และมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และจะให้น้องไปให้การกับคณะกรรมการตรวจสอบวินัยอีกทีนึง ซึ่งด้านใจบัว ได้เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า ตอนนี้ที่ออกมาพูดเพราะสภาพจิตใจเริ่มดีขึ้นแล้ว และไม่อยากให้มีใครตกเป็นเหยื่ออีก และเธอรู้สึกแย่กับเหตุการณ์นี้ และโทษตัวเองมาตลอดว่าดูแลตัวเองไม่ดีและไว้ใจเพื่อนมากเกินไป ก็ไม่คิดว่าจะโดนตำรวจกระทำ และวันนั้นตัวบัวได้ไปงานวันเกิดช่วง ตี 1-2 และตั้งใจจะไปกินข้าวต่อ แต่เพื่อนเปลี่ยนแพลน ไปบ้านรุ่นพี่คนนึง ก็ตกลงไป และเข้าบ้าน ก็ไปเจอกับเจ้าของบ้านและตำรวจ ก็พูดคุยกันเล็กน้อย และกินดื่มปกติ แต่ไม่มีใครตามมาจึงขอกลับบ้าน
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
แต่เพื่อนที่รู้จักมานานมาก บอกว่าให้รอกลับพร้อมกันให้ไปนอนรอก่อน ซึ่งบัวก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะรับรู้ว่ามีตำรวจอยู่ในนี้ด้วย ก็รู้สึกตัวอีกที 9 โมงเช้า รู้สึกว่ามีคนมานอนข้างๆ แล้วใช้มือจับที่หน้าอก หลังจากนั้นก็สะบัดออกและโวยวาย เพราะตกใจ และเขาก็ลุกออกไปกลับไปนั่งตรงโต๊ะกินข้าว ซึ่งเธอไม่เจอเพื่อนเธอแล้ว และแชทหาคนที่เธอรู้จักในกลุ่ม ว่าช่วยด้วย คนเสื้อเทามาลวนลาม ซึ่งก่อนหน้านั้น ระหว่างที่ดื่มกิน ตัวตำรวจไม่ได้มีท่าทีอะไรแบบนี้ พร้อมเผยว่าตอนที่ถูกลวนลาม ไม่คิดว่าเขาเมา เพราะเขามีท่าทีลุกลี้ลุกลน เมื่อถามว่าเขามีการขอโทษไหม? ใจบัวเผยว่าไม่เลยค่ะ และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน แต่ได้ยินมาว่า เขาให้คนอื่นพยายามติดต่อคนที่บัวรู้จัก
ซึ่งด้านทนายตั้มเผยว่า เขารู้สึกผิดที่เอาตัวไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น และน้องก็งงว่าเพื่อนหายไปไหน และไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ ซึ่งใจบัวเผยว่า ลึกๆ ก็มีสงสัยในตัวเพื่อน แต่รู้จักกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ก็ทานข้าวด้วยกันบ่อย เมื่อถามว่า ณ วันนี้รู้สึกยังไงกับเพื่อนคนที่พาเราไป? ซึ่งเธอเผยว่า รู้สึกแย่ อยากเข้าใจเขาแต่ก็ไม่ได้ เพราะจะไม่เห็นได้ยังไง ต่อให้เขาไม่เห็นว่าเขาทำอะไรบัว แต่จุดที่นั่งอยู่ ไม่เอะใจบ้างเหรอว่าปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นมานอนข้างเราได้ยังไง เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ 10 ปีกับเพื่อนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร? เธอเผยว่า ก็น่าจะจบค่ะ
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
ในส่วนเรื่องกฎหมายเธอคิดว่าสิ่งที่เธอทำมันถูกแล้ว บัวคาดหวังจะยอมรับผิดและรับตรงๆ และเธอไม่รู้ว่าเธอได้อะไรจากเรื่องนี้ และถ้าเสิร์ชก็จะขึ้นว่าใจบัวโดนอนาจาร ซึ่งเธอไม่คิดว่าเรื่องราวจะใหญ่โต แต่คุณพ่อเขาไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจถึงทำแบบนี้ เขาบอกว่ามันไม่ถูก เราไม่ต้องอาย ควรจะเป็นเขาต่างหากที่ต้องอาย เมื่อถามว่าพอเป็นข่าวแบบนี้กระทบไหม? เธอเผยว่ากระทบค่ะ
ไม่มีอะไรที่บวกกับเธอเลย และสภาพจิตใจเธอเผยว่าเพิ่งไปพบจิตแพทย์มา ได้รับยามาเพราะนอนไม่หลับเหมือนแพนิคไปแล้ว และหนูร้องไห้โทษตัวเองว่าทำไมหนูไม่กลับบ้าน ก็เกลียดตัวเองไปช่วงนึง พอได้คุยกับเพื่อนพ่อแม่ เขาก็บอกว่า ไม่ เธอจะแต่งตัวยังไงก็ได้ แต่เขาไม่สมควรมาทำให้ชีวิตเธอเป็นแบบนี้ เขาไม่ควรมาลวนลามหนู ไม่ได้ผิดที่หนู หลังจากนี้คงขยาดไปเลย เรื่องคดีเธอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
และด้านทนายตั้มเผยว่า ตำรวจออกหมายเรียกเพื่อนไปแล้ว ถ้า 2 ครั้ง ไม่มาก็จะเป็นหมายจับ ก็มีสงสัยและเอะใจ ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนต่อไป เบื้องต้นเป็นคดีอนาจารอย่างเดียว และตอนนี้เจ้าของบ้านก็ไม่ยอมมาให้การด้วย และเราไม่ให้อภัยเพื่อนที่ชวนเราไป และในฐานะผู้หญิงคนนึง เธอเผยว่า ไม่ว่าใครเพศไหนเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ต้องอาย ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เรามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเอาผิดคนล่วงเกินเรา เราไม่จำเป็นต้องอาย เธอรู้สึกว่ามีหลายคนที่เจอเหตุการณ์นี้ แต่เขาไม่กล้าออกมาพูด แต่เรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ปกติ เรายอมรับไม่ได้ค่ะ
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside