วีซ่าฟรี “จีน-คาซัคสถาน” “ยาแรง” ดันท่องเที่ยวไทยโตตามเป้า
"ภาคการท่องเที่ยว" ถูกเลือกเป็นกุญแจดอกแรกกระตุ้นเศรษฐกิจไทยแบบ QUick Win ของรัฐบาล ดังนั้นการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนัดแรกเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 ของ “นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน” จึงเดินเกมรุก “ใส่ยาแรง” ด้วยมาตรการ “วีซ่า-ฟรี” (Visa-Free) หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว ฟื้นเศรษฐกิจ
ล่าสุด (19 ก.ย.66) ราชกิจจาราชเผยแพร่ประกาศกำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อการท่องเที่ยว ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 30 วัน เป็นกรณีพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อ 13 กันยายน 2566 ให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทาง (วีซ่า) หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและสัญชาติคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 หรือแปลง่าย ๆ ก็คือ การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน 2 ประเทศ ไม่ต้องขอวีซ่า ในช่วงเวลา 5 เดือนดังกล่าว วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน และ อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศช่วงไฮซีซั่น
โดยหลังประชุมครม. นายกฯ เศรษฐา แถลงมาตรการด้วยตัวเอง โดยขอใช้คำว่า “วีซ่าฟรี”
“เพื่อให้ตรงกับความหมายที่กระทรวงต่างประเทศใช้ ซึ่ง วีซ่าฟรี หมายถึง การยกเว้นการตรวจลงตราเข้าไทย ส่วน ฟรีวีซ่า หมายถึงการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า”
โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวจีน ช่วงเวลาดังกล่าวครอบคลุมช่วงวันหยุดยาวสำคัญ หรือ โกลเด้นวีค 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงหยุดยาววันชาติจีน (1 ต.ค.) และเทศกาลตรุษจีนในปี 2567 การอนุญาตชั่วคราวให้ชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแบบไม่ต้องขอวีซ่าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในตลาดจีนซึ่งถือเป็น กลุ่มเป้าหมายหลักของไทยที่จะช่วยฟื้นเม็ดเงินท่องเที่ยวไทยได้
สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่ามาตรการที่ว่านี้จะช่วยเร่งเครื่องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ หลังจากที่การฟื้นตัวนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยอยู่ที่แค่ร้อยละ 30 แต่ตลอด 5 เดือนที่มีการวีซ่าฟรีจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยจำนวน 1,912,000 –2,888,500 คน สร้างรายได้เข้าประเทศ 92,583 – 140,313 ล้านบาท
“เชื่อมั่นว่ามาตรการวีซ่าฟรีนี้ จะเป็นแรงส่งช่วยพลิกฟื้นการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาอีกครั้ง”
แต่ที่น่าสนใจของมติคณะรัฐมนตรีที่ให้วีซ่าฟรีกับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานด้วย ? โดยรายละเอียดเอกสาร มติ ครม. ระบุว่า “นักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถานเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดใหม่ของไทย”
ทำความรู้จัก “คาซัคสถาน” ประเทศที่เปี่ยมด้วยกำลังซื้อสูง
คาซัคสถาน หรือ สาธารณรัฐคาซัคสถาน ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียกลางและกินพื้นที่บางส่วนของยุโรปตะวันออก เคยเป็น 1 ใน 15 รัฐของสหภาพโซเวียต หรือ รัสเซีย อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรแร่ธาตุ และ น้ำมันสำรองสูงติดอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยศักยภาพดังกล่าว คาซัคสถานจึงถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่มีกำลังซื้อสูงมาก
โดยในปี 2565 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาภายใต้รัฐบาลเดิม มองว่าเป็นตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจ และมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเอเชียกลางดึงให้เดินทางเข้าไทยมากขึ้น หลังจากเห็นสัญญาณที่ดี น่าจะเป็นโอกาสทำตลาดนักท่องเที่ยวให้กระจาย แทนที่จะกระจุกตัวแต่ตลาดเดิม ๆ อย่าง สหรัฐฯ ยุโรป หรือเอเชียตะวันออก
ย้อนกลับไปช่วงก่อนการระบาดโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวคาซัคสถานต่อปี แม้ตัวเลขอยู่ที่ระดับหลักหมื่น แต่ด้วยสัญญาณพบความต้องการเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้นเรื่อย โดยตัวเลขปี 2562 อยู่ที่ 56,529 คน เฉลี่ยจำนวนวันเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 14 วัน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 4 พันกว่าบาทต่อคนต่อวัน สร้างรายได้รวมกว่า 3,400 ล้านบาท
และในปี 2565 ที่สถานการณ์ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย ก็พบมีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้าไทยมากขึ้นกว่า 5 หมื่นคน หรือเกือบเท่าก่อนหน้าที่เกิดโควิด 19 ขณะที่ตัวเลขล่าสุดในปี 2566 ตามรายงานเอกสารการประชุมคณะรัฐมนตรีระบุข้อมูลเดือนสิงหาคม พบมีตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวคาชัคสถานเข้าไทยอยู่ที่ประมาณ 100,000 คน
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า คาซัคสถานถือเป็นตลาดคุณภาพ ช่วงที่ผ่านมามีความต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้น และพักอยู่ค่อนข้างยาว มีการใช้จ่ายเติบโตสูงมาก ต่อคนต่อทริปคิดเป็นเม็ดเงินมากกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น
และคาดการณ์ว่า “สิ้นปี 2566 ตัวเลขนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเข้ามาในไทยน่าจะทำได้ถึง 1 แสน 3 หมื่นคน”
วีซ่าฟรี “คาซัคสถาน-จีน” ความหวังดันท่องเที่ยวไทยฟื้นตามเป้า ?
ทั้ง รมว.ท่องเที่ยวฯ “สุดาวรรณ” และ ผู้ว่าการ ททท. “ฐาปนีย์” เห็นสอดคล้องกันว่า การยกเว้นวีซ่าการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานในช่วง 5 เดือน จะช่วยสนับสนุนการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ จะเป็นส่วนสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว และผลักดันให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในปี 2566 บรรลุเป้าหมายทั้งทางด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้
ซึ่งหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของไทยมีเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 – 30 ล้านคนและรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท
หากเราย้อนกลับไปดูตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ข้อมูลสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ล่าสุด วันที่ 18 ก.ย. 66 จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 ก.ย.66 ที่ผ่านมา
-มีตัวเลขต่างชาติเข้าไทยทั้งสิ้นรวมอยู่ที่ 19,000,918 คน
-รายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 795,114 ล้านบาท
ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวมาเลเซียมากที่สุด กว่า 3.07 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 2.34 ล้านคน โดยที่เดือนก.ค.66 นับเป็นเดือนแรกและครั้งแรกที่นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แซงหน้ามาเลเซีย เดือนนั้นอยู่ที่ 409,327 คน
คาดการณ์ในช่วง 5 เดือนตามมาตรการวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวทั้ง 2 สัญชาติ จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 1.48 แสนล้านบาท โดยแยกเป็นนักท่องเที่ยวจีน ประมาณ 1.9 ล้าน ถึง 2.8 ล้านคน สัดส่วนการฟื้นตัวอยู่ที่ร้อยละ 41-62 สร้างรายได้ประมาณ 92,000-140,000 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน ประมาณ 1.3 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 สร้างรายได้กว่า 7,900 ล้านบาท”
มาตรการส่งผลบวก เห็นผลต้นปี 2567
ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า มาตรการวีซ่าฟรี ปัจจัยด้านบวกต่อตลาดต่างชาติเที่ยวไทย แต่ผลบวกที่ชัดเจนน่าจะเกิดขึ้นในปี 2567 โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนซึ่งกำลังเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และข้อจำกัดด้านเส้นทางการบินที่ยังมีอยู่ รวมถึงจังหวะการทำตลาดที่อาจค่อนข้างกระชั้น ทำให้ผลบวกในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะค่อนข้างจำกัด แต่ผลบวกจะชัดเจนมากขึ้นในปี 2567 ในช่วงเทศกาลตุรษจีน
ส่วนนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถาน แม้ขนาดตลาดมีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 1 ของจำนวนชาวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งหมด แต่นับว่าเป็นตลาดใหม่และกำลังเติบโต มาตรการวีซ่าฟรีจึงน่าจะช่วยให้ไทยเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของคาซัคสถานได้
จ่อขยาย “ยาแรง” เพิ่มจำนวนประเทศรับวีซ่าฟรี ?
ล่าสุดการลงพื้นที่ 2 จังหวัดภาคเหนือ “เชียงราย-เชียงใหม่” ของนายกฯ เศรษฐา ยังเปิดเผยถึงเตรียมพิจารณาเพิ่มจำนวนประเทศรับวีซ่าฟรี โดยจะขอพิจารณาความเหมาะสมในหลาย ๆ มิติ
ซึ่งการส่งสัญญาณดังกล่าวของนายกฯ ก็มีข้อเสนอจาก “อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทย ธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) จะหารือกับ รมว.ท่องเที่ยวฯ สุดาวรรณ เพื่อขอให้พิจารณาขยายมาตรการวีซ่าฟรี ระยะที่ 2 ให้กับนักท่องเที่ยวอินเดีย และไต้หวัน ในช่วงก่อนหรือหลังเดือนมกราคมปี 67 เพิ่มเติมด้วย เป็นการบริหารความเสี่ยงกับนักท่องเที่ยวจีนในอนาคต
จิตฤดี บรรเทาพิษ เรียบเรียง
เครดิตภาพ TNN