TNN อีลอน มัสก์ระงับการซื้อทวิตเตอร์ชั่วคราวจนกว่าจะได้รับจำนวนบัญชีผู้ใช้งานปลอม

TNN

Tech

อีลอน มัสก์ระงับการซื้อทวิตเตอร์ชั่วคราวจนกว่าจะได้รับจำนวนบัญชีผู้ใช้งานปลอม

อีลอน มัสก์ระงับการซื้อทวิตเตอร์ชั่วคราวจนกว่าจะได้รับจำนวนบัญชีผู้ใช้งานปลอม

ข้อมูลตัวเลขที่แท้จริงของบัญชีผู้ใช้งานทวิตเตอร์มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อการวางแผนการตลาดในอนาคต

อีลอน มัสก์มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกสั่งระงับการเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้รับข้อมูลจำนวนบัญชีผู้งานปลอมบนทวิตเตอร์อย่างครบถ้วนจากบริษัท ก่อนหน้านี้บริษัทระบุว่ามีจำนวนผู้ใช้งานปลอมประมาณ 5% เท่านั้น ซึ่งดูเหมือนข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นที่พึงพอใจของอีลอน มัสก์ อย่างไรก็ตามอีลอน มัสก์ยืนยันว่าเขายังคงใช้ความพยายามในการเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ต่อไป


ผลจากคำสั่งดังกล่าวของอีลอน มัสก์ ส่งผลให้ราคาหุ้นของทวิตเตอร์ร่วงลงในทันที 10% เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายเพราะความกลัวว่าการเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์จะไม่ประสบความสำเร็จ


อีลอน มัสก์เป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงพลังด้านสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กโดยเฉพาะบนทวิตเตอร์เขามียอดผู้ติดตามมากกว่า 85 ล้านคน ทั่วโลก การแสดงความคิดเห็นหรือทวีตข้อความต่าง ๆ จากอีลอน มัสก์มักได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว เหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้อีลอน มัสก์ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์เนื่องจากต้องการกำจัดบัญชีผู้ใช้งานปลอมบนทวิตเตอร์และเป็นนโยบายแรก ๆ ที่เขาประกาศว่าจะทำให้สำเร็จหากเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์


การตัดสินใจลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์ ใช้เงินลงทุนมหาศาล ดังนั้น ข้อมูลตัวเลขที่แท้จริงของบัญชีผู้ใช้งานทวิตเตอร์มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อการวางแผนการตลาดในอนาคตตามเป้าหมายเพิ่มรายได้ของทวิตเตอร์ 5 เท่า และผู้ใช้งานทวิตเตอร์ 931 ล้านคน ภายในปี 2028 ตามที่อีลอน มัสก์เคยประกาศเอาไว้


ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อีลอน มัสก์เข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ด้วยมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,500,000 ล้านบาท กระบวนการในการซื้อกิจการบริษัททวิตเตอร์ยังคงต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายเดือน ทั้งในด้านข้อกฎหมายและการซื้อหุ้นให้ครบตามจำนวนที่กำหนด อีลอน มัสก์ถึงจะได้เป็นเจ้าของกิจการทวิตเตอร์โดยสมบูรณ์และเชื่อว่าตลอดระยะเวลาแห่งการต่อรองการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะมีข่าวสำคัญเกิดขึ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง


ที่มาของข้อมูล theguardian.com

ที่มาของรูปภาพ reuters

ข่าวแนะนำ