ฮีโร่! แม่บ้านสาว CPR ช่วยชีวิตช่วย 6 ขวบจมน้ำ รอดชีวิตหวุดหวิด
โลกออนไลน์ชื่นชมแม่บ้านสาว CPR ช่วยชีวิตเด็ก 6 ขวบ จมน้ำจนรอดตายราวปาฏิหาริย์
วันนี้ (16 มี.ค.64) โลกโซเชียลได้มีการโพสต์แชร์คลิปที่น่าชื่นชม ขณะที่หญิงคนหนึ่งกำลังทำซีพีอาร์ หรือปั้มหัวใจช่วยชีวิตเด็กชายที่จมน้ำหมดสติจนฟื้นและรอดตายได้ราวกับปาฏิหาริย์ โดยคนที่โพสต์ ระบุข้อความว่า “วันนี้พาคุณน้ามาฝึกขับรถ ได้ช่วยเด็กจมน้ำถือว่าโชคดีมากที่เราขับรถมาเจอพอดี ได้ช่วยชีวิตเด็กคนนึงไว้ปลอดภัยแล้วนะหนู น้องต้า บ้านโคกสูง ขอขอบคุณวิชาเรียนช่วยเหลือชีวิตมนุษย์การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ของคุณน้าจากนอร์เวย์ และขอบคุณช่างก่อสร้างที่ช่วยเอาน้องขึ้นจากน้ำนะคะ ขอให้บุญกุศลในครั้งนี้ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงออกจากชีวิตลูกๆ สาธุ สาธๆ”
ซึ่งก็ได้มีผู้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นและชื่นชมหญิงคนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จากการสอบถามผู้โพสต์ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) ที่สระน้ำข้างสนามกีฬาโรงเรียนมิตรภาพโนนสมบูรณ์ ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปตามหาหญิงฮีโร่คนดังกล่าว คือ น.ส.สมมาตร นิมิตร หรือพี่นาง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 หมู่ 6 ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนั่งอยู่กับหลานสาวคนที่ถ่ายคลิปแล้วนำเรื่องราวมาโพสต์ในโซเชียล
โดย น.ส.สมมาตร หรือพี่นาง ก็ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ว่าปัจจุบันตนทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ประเทศนอร์เวย์ ช่วงนี้กลับมาเยี่ยมบ้านที่ อ.หนองกี่ ก็ถือโอกาสมาสอบใบขับขี่ด้วย เมื่อวานวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุก็ให้หลานพาไปหัดขับรถที่ สนามของโรงเรียน
ขณะกำลังขับวนสนามรอบที่ 3 รอบ ก็เห็นช่างที่ทำงานก่อสร้างอยู่ในโรงเรียนวิ่งไปที่สระน้ำ ตอนแรกยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพอหลานสาวไปดู จึงทราบว่ามีเด็กอนุบาล อายุ 6 ขวบจมน้ำในสระข้างโรงเรียน และช่างก่อสร้างที่วิ่งไปได้นำร่างน้องขึ้นมาจากน้ำ ตนจึงเข้าไปดูก็เห็นน้องนอนหมดสติหน้าเขียวปากเขียวแล้วคนที่มามุงดูก็คิดว่าน้องเสียแล้ว
ตนจึงตัดสินใจใช้ประสบการณ์ความรู้ที่เคยอบรมหลักสูตรการช่วยชีวิตคนจมน้ำขณะทำงานเป็นแม่บ้านที่โรงแรมประเทศนอร์เวย์ ซึ่งทางโรงแรมบังคับให้ฝึกอบรมทุกคนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
จากนั้นก็ทำการปั้มหัวใจหรือซีพีอาร์ ตามที่เรียนมาอยู่ประมาณ 10 นาที ก็เห็นน้องเริ่มหายใจจึงปั้มต่ออีกจนน้องอาเจียนข้าวออกจากปากมีน้ำและโคลนไหลออกมาจากปากด้วย ทั้งตนเองและคนที่มามุงดูต่างก็ดีใจมากเพราะไม่คิดว่าน้องจะฟื้นเพราะตอนนั้นทั้งปากและหน้าเขียวหมดแล้ว จากนั้นจึงบอกให้ชาวบ้านโทรแจ้งรถฉุกเฉินให้มารับน้องส่งโรงพยาบาลหนองกี่
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไม่ได้อยากโด่งดังแต่ที่บอกให้หลานถ่ายคลิปก็กะจะเอาไปอวดหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานที่ประเทศนอร์เวย์ ว่าความรู้ที่ตนเองเรียนเพียง 1 ชั่วโมงก็สามารถช่วยชีวิตคนได้จริงๆ ไม่คิดว่าพอหลานนำไปโพสต์ในโซเชียลจะมีคนเข้ามาชื่นชมมากขนาดนี้ ก็ขอบคุณทุกคน
ส่วนที่มีบางคนเข้ามาคอมเม้นว่าทำซีพีอาร์ไม่ถูกต้องนั้นอาจจะเป็นช่วงที่เด็กฟื้นแล้ว ตนจึงเอามือไปลูบที่บริเวณท้องของน้อง ก็ไม่อยากให้ ดรามาอยากให้มองถึงเจตนาในการช่วยชีวิตน้องมากกว่า และอยากฝากว่าหากใครพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้ควรจะตั้งสติและตัดสินใจปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยชีวิตคนได้
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ รพ.หนองกี่ เพื่อติดตามอาการของน้องทราบชื่อ คือน้องต้า นักเรียนชั้นอนุบาล 3 พบว่าน้องอาการปลอดภัยสีหน้ายิ้มแย้มร่าเริง และทางโรงพยาบาลก็อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้
ขณะที่นางลำดวน โสดาสพัฒน์ อายุ 67 ปี ยายของน้อง ที่มาเฝ้าอาการของหลาน วันเกิดเหตุไม่รู้ว่าหลานแอบไปเล่นน้ำมารู้อีกทีตอนมีคนมาบอกว่าหลานจมน้ำหมดสติอยู่ที่สระในโรงเรียนจึงเดินทางไปดู ตอนแรกก็ตกใจมากคิดว่าหลานจะไม่ฟื้น แต่พอมีหญิงคนหนึ่งมาปั้มหัวใจจนหลานฟื้นและรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ยายยังได้ยกมือไหว้ขอบคุณทั้งหญิงที่ปั้มหัวใจและช่างก่อสร้างที่ลงไปเอาหลานขึ้นจากน้ำ เหมือนหลานตายแล้วเกิดใหม่ หลังจากนี้ก็จะดูแลหลานไม่ให้คลาดสายตาเลย