TNN "พัชรวาท" พร้อมฟังเสียงค้าน ปมเฉือน "ทับลาน" เป็น ส.ป.ก. เร่งสรุปภายใน 30 วัน

TNN

การเมือง

"พัชรวาท" พร้อมฟังเสียงค้าน ปมเฉือน "ทับลาน" เป็น ส.ป.ก. เร่งสรุปภายใน 30 วัน

พัชรวาท พร้อมฟังเสียงค้าน ปมเฉือน ทับลาน เป็น ส.ป.ก. เร่งสรุปภายใน 30 วัน

รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พร้อมฟังเสียงคัดค้านปมเฉือนที่ดิน"ทับลาน" เป็นที่ ส.ป.ก. เร่งรวบรวมความเห็นเข้าบอร์ด สรุปภายใน 30 วัน

 

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล  พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการล่ารายชื่อคัดค้านการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานที่ทับซ้อนกับที่ดินประชาชน กว่า 2.6 แสนไร่  ว่า ขณะนี้กำลังทำประชาวิจารณ์ โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินของชาวบ้านประมาณ 50,000 ไร่ ส่วนนี้จะดูแลชาวบ้านเป็นหลัก ส่วนตัวเลข 2.6 แสนไร่ เป็นพื้นที่เขตอุทยานทับลานทั้งหมด ไม่ใช่คืนที่ดินทำกินทั้งหมด   โดยคณะกรรมการอุทยาน จะเป็นผู้พิจารณา พร้อมย้ำว่าจะเร่งรัดให้พิจารณาภายใน 30 วัน ส่วนกระแสที่ประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วยเราก็พร้อมรับฟัง แล้วนำมาพิจารณาภายหลัง โดยขั้นตอนกระบวนการทำประชาวิจารณ์ จะแล้วเสร็จ ในวันที่ 12  กรกฎาคม 2567 โดยรายละเอียดขอให้ถามอธิบดีกรมอุทยานฯ

 

ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีการรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อดำเนินการแบ่งพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัด นครราชสีมา-ปราจีนบุรี จำนวน 260,000 ไร่ ไปให้ ส.ป.ก. ดูแล ว่าปัญหาพื้นที่พิพาทในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานมีมานานกว่า 40 ปีแล้ว  เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวก่อนเป็นอุทยานแห่งชาติ ได้เป็นป่าสงวนมาก่อน และได้มีการจัดพื้นที่ให้ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยได้เข้าไปทำกิน เนื้อที่ประมาณ 58,000 ไร่ แต่หลังจากนั้นได้มีการประกาศอุทยานแห่งชาติไปทับพื้นที่ในส่วนนี้ด้วย ซึ่งถือเป็นความบกพร่องของกรมป่าไม้ในอดีต จึงมีการเรียกร้องให้กันพื้นที่ออกจากอุทยาน และมีการสำรวจพื้นที่ใหม่อีกครั้งในปี 2543   แต่กระบวนการดังกล่าวไปไม่ถึงจุดหมาย ซึ่งหลายรัฐบาลที่ผ่านมาพยายามแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน และมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) และมีมติให้กันพื้นที่ชุมชน จำนวน 265,000 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก. และ ครม. ได้มีมติเห็นชอบในวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่บุคคลใดที่ถูกดำเนินคดี ในพื้นที่ดังกล่าวจะไม่ได้รับการยกเว้น


นายอรรถพลเปิดเผยอีกว่า จากมติดังกล่าวทำให้กรมอุทยานฯ ต้องมาดำเนินการปรับปรุงแนวเขต แต่จะทำได้ต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั้งจากในพื้นที่และประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการและจะสิ้นสุดในวันที่ 12 กรกฎาคม ก่อนจะรวบรวมเสนอให้คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ พิจารณาภายใน 30 วัน เพื่อมีมติเสนอต่อ ครม. ต่อไป  โดยสิ่งสำคัญจะต้องยึดหลักข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องการอยู่อาศัยทำกินและการดูแลรักษาผืนป่า เนื่องจากในจำนวน 265,000 ไร่ มีทั้งคนที่อยู่อาศัยอยู่เดิม จากการจัดสรรพื้นที่และคนที่มาซื้อต่อเป็นมือที่ 2 มือที่ 3 รวมถึงกลุ่มรีสอร์ตที่ถูกดำเนินคดีกว่า 12,000 ไร่


ส่วนที่หลายคนมองว่ามติ ครม.เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เป็นการเอื้อนายทุน อธิบดีกรมอุทยานฯ ชี้แจงว่ารัฐบาลที่ผ่านมาพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับชาวบ้าน จึงเห็นว่าควรทำให้เป็นที่ดินของรัฐ และ ส.ป.ก. ก็ถือเป็นที่ดินของรัฐ   ดังนั้น ส.ป.ก.จึงต้องเข้ามาพิจารณาตรวจสอบว่าใครมีสิทธิ์ ในส่วนของกรมอุทยานฯ ก็จะต้องไปพิจารณาร่วมกันในชั้นของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ เพื่อเสนอต่อ ครม. ตนยังว่าบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมายก็ยังจะไม่มีคุณสมบัติถือครองที่ดินอยู่อย่างนั้น เพราะกังวลว่าหากมีการจัดสรรที่ไปแล้ว เกิดผลกระทบเพื่อให้กับนายทุนกลุ่มรีสอร์ตเข้าไปดำเนินการ


ส่วนประชาชนจะต้องได้รับการจัดสรรพื้นที่จำนวนเท่าไหร่และใครจะได้บ้าง นายอรรถพล ล่าวว่า ต้องไปหารือในชั้นคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ เพราะคุณสมบัติแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนอยู่เดิมบางคนมาซื้อขาย เปลี่ยนมือบางคนเข้ามากว้านซื้อ จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติผู้ครอบครองที่ดินของรัฐ  เมื่อถามว่า มติ ครม.ให้ดำเนินการตามแผนที่ที่มีการรังวัดใหม่ในปี 2543 เสียงของประชาชนจะสามารถเปลี่ยนแปลงมติดังกล่าวได้หรือไม่ นายอรรถพล ระบุว่าเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา และเป็นข้อเสนอของคณะกรรมการอุทยานฯ ซึ่งตอนนี้มีการรับฟังความเห็นทั้งชาวบ้านในพื้นที่ และในโลกออนไลน์ แต่ทุกอย่างต้องไปยุติที่คณะกรรมการอุทยานฯ เพื่อเสนอต่อ สคทช. หรือ ครม. หากมีมติให้ดำเนินการตามแผนที่ปี 2543 กรมอุทยานฯ ก็ต้องมาดำเนินการรังวัดเพื่อปรับแผนที่ท้ายกฎหมายใหม่

 

ข่าวแนะนำ