นายกฯ หารือผู้บริหาร Tesla ตอกย้ำศูนย์กลาง EV ย้ำไทยพร้อมอำนวยความสะดวกเต็มที่
นายกฯ หารือภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ ย้ำความพร้อมไทยในการเป็นฐานการผลิต พัฒนา supply chain พร้อมอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจอย่างเต็มที่
นายกฯ หารือภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ ย้ำความพร้อมไทยในการเป็นฐานการผลิต พัฒนา supply chain พร้อมอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจอย่างเต็มที่
วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2566 หรือวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก ซึ่งช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) ภารกิจภายหลังการเดินทางถึงนครซานฟรานซิสโกของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมีภารกิจสำคัญกับภาคเอกชนระดับโลกหลายรายเพื่อสนับสนุนความร่วมมือ การค้า การลงทุนระหว่างกัน
โดยในช่วง 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก ซึ่งช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายกรัฐมนตรีและคณะได้เยี่ยมชมบริษัท Tesla ณ Tesla Fremont Factory โดยบริษัท Tesla เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจด้านรถยนต์ไฟฟ้าและด้านพลังงานชั้นนำของโลก มีโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองเฟรมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิต Model S, Model 3, Model X, Model Y ทั้งนี้ บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสในการขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย
นายกฯ ยินดีสำหรับการพบหารือผู้บริหารบริษัท Tesla และได้มาที่บ้านของเทสลาในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเพื่อความร่วมมือที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ในอนาคต ทั้งในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด นายกฯ หวังว่าความร่วมมือในวันนี้จะตอกย้ำถึงความเป็นศูนย์กลาง EV และพลังงานทดแทนของไทยในอนาคต พร้อมหวังว่า บริษัท Tesla จะเข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
จากนั้นในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีพบหารือกับผู้บริหารภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ สรุปสาระสำคัญดังนี้
บริษัท HP บริษัทฯ ด้านกลุ่มคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและแล็ปท็อป (PC & Laptop) และกลุ่มเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์ขนาดใหญ่ของโลก นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนบริษัทฯ ขยายการลงทุนเพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิต พัฒนา supply chain และตั้งสำนักงานภูมิภาค รวมทั้งให้เพิ่มการผลิตในไทย ซึ่งไทยมีความพร้อมในด้านระบบสาธารณูปโภค รวมถึงมีนโยบายในการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (ease of doing business) จึงอยากเชิญชวนให้มาร่วมเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการศึกษา (Academic) เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ
โดยยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าและการพัฒนาโครงการ Landbridge ของไทย พร้อมเชิญชวนบริษัท HP เข้ามาร่วมโครงการฯ ซึ่งมีความสอดคล้องและเป็นประโยชน์ต่อแผนพัฒนา Supply Chain ของบริษัทเป็นอย่างดี ช่วยลดค่าขนส่ง และสามารถทำให้ไทยเป็นฐานการส่งออกที่เหมาะสมเป็นอย่างดีสำหรับบริษัท HP
บริษัท Analog Devices, Inc. หรือ ADI เป็นบริษัทผลิตวงจรรวม (Integrated Circuit: IC) รายใหญ่ระดับโลกที่มีการออกแบบและผลิตแบบครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่ออกแบบวงจรผลิตแผ่นเวเฟอร์ (Wafer Fabrication) ซึ่งเป็นต้นน้ำของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) การเชื่อมประกอบเพื่อผลิตเป็นชิป (Chip) นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสามารถด้านการออกแบบกระบวนผลิตและกระบวนการทดสอบ รวมถึงการผลิตฮาร์ดแวร์และพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อนํามาใช้ในกระบวนการผลิตเองด้วย
นายกฯ สนับสนุนให้ ADI ขยายการลงทุนในไทย ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด และมีศักยภาพการอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมกับบริษัทฯ นายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนของบริษัทอย่างเต็มที่ โดยสถาบันการศึกษาในไทยพร้อมที่จะทำงานกับบริษัทฯ เพื่อพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะกับทักษะความสามารถที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบวงจรผลิตแผ่นเวเฟอร์ที่ ADI ต้องการ
โดยในเวลา 16.00 น. นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงานสัมมนาโครงการ Landbridge พบหารือภาคเอกชนไทย และเข้าร่วมกิจกรรม Networking Reception ในเวลา 18.30 น. ณ โรงแรม Ritz-Carlton
ที่มาและภาพจาก รัฐบาล