งงหนัก! หญิงโคราชถูกสวมชื่อเป็นเจ้าของบริษัท หมดสิทธิ์รับ "เราชนะ-คนละครึ่ง"
หญิงวัย 62 กลายเป็นเจ้าของบริษัทธุรกิจเงินล้าน ถูกเอาชื่อไปใช้ยื่นเสียภาษีปีละกว่า 30,000 บาท อดรับสิทธิ์เยียวยาโควิดจากภาครัฐ เรียกร้องหน่วยงานช่วยตรวจสอบ และขอให้บริษัทที่แอบอ้างออกมารับผิดชอบ
วันนี้ (25 มี.ค.64) นางศิรินภา พานเหนือ อายุ 62 ปี ชาวอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ได้นำเอกสารการเสียภาษีของบริษัทแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพิมาย หลังจากถูกนำชื่อไปใช้เสียภาษีประจำปีของบริษัทดังกล่าว เป็นระยะเวลา 8 ปี โดยถูกระบุว่า มีเงินได้ปีละ 1,028,640 บาท ต้องเสียภาษีเงินได้ ปีละ 30,859 บาท 20 สตางค์ ทำให้ตนเองไม่ได้รับสิทธิ์เยียวยาช่วงโควิด-19 เพราะมีชื่อเป็นเจ้าของบริษัท ทั้งๆที่ความจริงเป็นเพียงชาวบ้านคนหนึ่ง มีอาชีพรับจ้างทั่วไปเท่านั้น
โดยนางศิรินภา เล่าว่า เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ตนเคยไปทำงานเป็นแม่บ้านที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง แต่หลังจากสามีป่วยจึงได้ลาออกมารับจ้างทำงานอยู่ที่บ้านในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งช่วงที่ตนสมัครเป็นแม่บ้านของบริษัทที่จังหวัดระยองนั้น ได้ยื่นเอกสาร สำเนาทะเบียนและสำเนาบัตรประชาชนไว้ตามระเบียบของบริษัท
กระทั่งลาออกมาอยู่บ้าน ก็เป็นระยะเวลา 8 ปีแล้ว และในช่วงที่รัฐบาลมีโครงการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 “โครงการเราชนะ” “โครงการคนละครึ่ง” และ โครงการต่างๆ ตนได้สมัครเข้ารับสิทธิ์ประโยชน์ แต่กลับไม่ได้รับสิทธิ์ เพราะทางระบบฯ ตรวจพบว่า ตนเป็นเจ้าของบริษัทประกอบธุรกิจ มีรายได้ปีละกว่า 1 ล้านบาท และจะต้องหักจ่ายภาษี ปีละกว่า 3 หมื่นบาท
ทำให้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่า ตนไปเป็นเจ้าของบริษัทตั้งแต่เมื่อไร จึงได้นำเอกสารต่างๆ เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพิมาย เพื่อขอให้ช่วยเหลือ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาชื่อไปใช้ในการเสียภาษีของบริษัท
นางศิรินภา ยังวิงวอนให้บริษัทที่แอบอ้างชื่อ ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยหลังจากนี้ จะนำเอาหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับตำรวจ เพื่อเอาผิดบริษัทที่เอาชื่อของตนไปใช้ในการยื่นเสียภาษีโดยมิชอบ เพราะตนเองเป็นแค่ชาวบ้านคนหนึ่ง ที่หารับจ้างทั่วไปเท่านั้น มีรายได้วันละไม่กี่ร้อยบาท