พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ พิจิตร ตรวจโครงการบึงสีไฟ
รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่ เพื่อติดตามความก้าวหน้า โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟและโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตรกำฉับให้เร่งเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน
ที่จังหวัดพิจิตร วันนี้ ( 15 กรกฎาคม 63 ) เวลา 13.50 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่บึงสีไฟ เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ และโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร โดยมีนายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร บรรยายสรุปภาพรวมการพัฒนา ฟื้นฟูบึงสีไฟ และแม่น้ำพิจิตร และนายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า สรุปความก้าวหน้าผลการดำเนินงานขุดลอกบึงสีไฟ บริเวณอุทยานบัว บึงสีไฟ โดยการขุดลอกบึงสีไฟนั้นเพื่อเพิ่มปริมาณความจุรองรับน้ำฝน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำเดิมให้สามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น โดยกรมเจ้าท่าเป็นเจ้าภาพหลักดำเนินการขุดลอกบึงไฟ แบ่งเป็น 2 ระยะ ซึ่งจะส่งผลให้บึงสีไฟสามารถเก็บกักน้ำได้ทั้งสิ้น 12 ล้านลูกบาศก์เมตรจากเดิมจุน้ำได้เพียง 4 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยระยะที่ 1 แล้วเสร็จตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 มีปริมาณมูลดินที่ได้จากการขุดลอก ประมาณ 4.7 ล้านลูกบาศก์เมตร คงเหลือส่วนระยะที่ 2 ที่ต้องขุดลอกดินอีกประมาณ 7 แสน ลูกบาศก์เมตร
โดยรองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเร่งรัดการดำเนินการขุดลอก การขนย้ายและการจำหน่ายวัสดุขุดลอกทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ รวมถึงการลำเลียงน้ำเข้าสู่บึงสีไฟ ซึ่งกรมชลประทานคาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นสามารถดึงน้ำเข้าบึงสีไฟได้ประมาณ 15 ส.ค.63 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายการเก็บกักน้ำไม่น้อยกว่า 80% ของความจุ อย่างไรก็ตามรองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาบึงสีไฟ ทั้งระยะสั้นในการขุดลอกให้แล้วเสร็จตามแผน พร้อมเคลื่อนย้ายกองดินที่ได้ทำการขุดลอกแล้วทั้งหมดประมาณ 6 ล้าน ลบ.ม.ออกจากพื้นที่ ซึ่งกรมเจ้าท่าร่วมกับจังหวัดพิจิตรวางแนวทางขนย้ายดินทั้งส่วนที่ขายทอดตลาดได้ และส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของส่วนราชการโดยไม่ขัดต่อระเบียบหรือกฎหมาย รวมถึงการปรับปรุงภูมิทัศน์ของบึง เพื่อให้บึงสีไฟเป็นพื้นที่แก้มลิงรับน้ำในพื้นที่ เป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสาธารณประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่
ส่วนแผนการพัฒนาบึงสีไฟ ในอนาคตได้มอบหมายให้ สทนช.ประสานจังหวัดพิจิตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางกรอบแนวจัดทำแผนหลักการพัฒนาฟื้นฟู และใช้ประโยชน์บึงสีไฟทั้ง เช่นเดียวกับการบูรณาการแผนพัฒนาฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ เช่น บึงบอระเพ็ดจังหวัดนครสวรรค์ บึงราชนกจังหวัดพิษณุโลก และหนองหาร จังหวัดสกลนคร เป็นต้น เพื่อให้การพัฒนาบึงเกิดความต่อเนื่อง ทั้งหน่วยงานรับผิดชอบ งบประมาณรองรับในแต่ละด้านอย่างชัดเจน อาทิ การขุดลอกบึงเพื่อเพิ่มปริมาณความจุเก็บกักให้ได้มากขึ้น การพัฒนาฟื้นฟูทรัพยากรสิ่งแวดล้อมภายในบึง การใช้ประโยชน์สาธารณะ เป็นต้น รวมถึงติดตามแผนงานโครงการฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตรในการเร่งรัดฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร แก้ไขปัญหาแม่น้ำตื้นเขิน สิ่งกีดขวางทางน้ำ และการเติมน้ำแม่น้ำพิจิตรด้วย
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline