รู้จัก "สภาวะทะเลคลั่ง" ต้นเหตุทำเรือหลวงสุโขทัยอับปาง

จากกรณีที่เรือหลวงสุโขทัยประสบอุบัติเหตุเรือเอียง 60 องศาจากคลื่นลมแรง สาเหตุจากเครื่องไฟฟ้าดับ ขณะกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

กองทัพเรือ เผยถึง ปัจจัยที่ทำให้เรืออับปางและจมใต้ทะเล มาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เพราะอยู่มา 10 ปี ยังไม่เคยเจอทะเลคลั่งเหมือนคืนที่เกิดเหตุ (18 ธ.ค.2565)   จากภาพ หัวเรือจมลงไปจนทำให้ท้ายเรือยกขึ้นสูงแบบเดียวกับภาพยนต์ เรืองไททานิค

ทั้งนี้ จากข้อมูล องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก   (WMO) ได้เป็นผู้กำหนดสภาพทะเลจะเรียกว่า Sea State ซึ่งมีความรุนแรงถึง9ระดับ เพื่อให้ชาวเรือทั่วโลก เข้าใจสภาวะในทะเลในความหมายเดียวกัน 

และจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย ไม่สามารถทนต่อ "สภาวะทะเล"ที่มากกว่าระดับ 6ได้ ซึ่ง 6 มี คลื่นสูง 4-6 เมตร ซึ่งข้อสำคัญคือการนำเรือฝ่าคลื่นหรือพายุนั้นเครื่องยนต์จะต้องห้ามดับเด็ดขาด 

อย่างไรก็ตามกองทัพเรือไทยมีเรือที่สามารถ ทนต่อ "สภาวะทะเล" มากกว่า ระดับ 6 อยู่หลายลำ เช่น เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช   เป็นเรือฟริเกตสมรรถนะสูง   มีโครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบ   ทนต่อสภาวะทะเล (Sea state)ระดับ 6ขึ้น   ที่ผ่านมาเคยประจัญบานฝ่าหางพายุปาบึก เมื่อ ปี 62 ทั้งนี้ เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช  เป็น1ในเรือ  ที่ร่วมปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุ  เรือหลวงสุโขทัยอับปาง   

ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้ว เรือขนาดใหญ่ทั่วโลกจะสร้างให้ทนต่อสภาวะในทะเลได้ถึงระดับ 9 เช่น เรือน้ำมันขนาดใหญ่   หรือ เรือสำรวจสมุทรศาสตร์ รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน เช่น เรือหลวงจักรีนฤเบศร   แต่หากเกิดพายุคลื่นแรง เรือขนาดใหญ่ก็ยังคงหลีกเลี่ยงไม่เผชิญความเสี่ยงกับสภาวะทะเลในระดับ9  มีคลื่นสูงมากกว่า 14 เมตรซึ่งถือว่าอันตรายมาก 

พลเรือเอกอดุง พันธ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ   กล่าว  ยืนยันว่า เรือหลวงสุโขทัยมีครบ เสื้อชูชีพมี 2 แบบ คือ แบบเสื้อ และ แบบห่วงยาง ซึ่งเป็นอุปกรณ์เซฟการ์ด แต่เมื่อเรือเผชิญกับคลื่นลมแรง อาจมีการกระแทกในจังหวะที่ เรือหลวงสุโขทัย ดีดตัวสูงตามแรงคลื่น แล้วตกลงมากระแทกผิวน้ำอีกที อาจทำให้เสื้อชูชีพ หรือ ห่วงยาง หลุดได้ มันเป็นสถานการณ์ ที่ฉุกละหุก จากที่เคยเตรียมการกันไว้ ว่าแต่ละคนมีหน้าที่อะไร หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ก็จะไม่เป็นไปตามแผนที่ซ้อมกันไว้ ส่วนปริมาณคนไม่มีผลอะไรเลยที่จะทำให้เรือล่ม เพราะบนเรือมีปืนใหญ่หนักเป็นตันอยู่ด้วย ดังนั้น จึงไม่มีผลอะไรเลย หากจะมีคนมาเพิ่มบนเรือหลวงสุโขทัย อีก 50 คน ซึ่งแต่ละคนหนัก 70 กิโลกรัม ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย

พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงพื้นที่ ศูนย์ประสานงาน  จ.ชลบุรี เพื่อไปเยี่ยม ให้กำลังใจในนามของนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ให้ลงมาเร่งหาสาเหตุ และหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก สิ่งสำคัญที่สุดคือ คาดหวังว่าให้ทุกคนยังมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย ซึ่งมีญาติของทหารเรือที่ยังหาไม่พบรอข่าวการค้นหาจนล่าสุดได้รับแจ้งว่าได้มีการ ช่วยเหลือ พลทหารชนัญญู แก่นศรียา สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) ซึ่งเป็น1ใน30กำลังผลที่สูญหาย ได้ลอยคอกลางทะเล และเรือขนสินค้าภูมินาราได้ช่วยเหลือขึ้นมา

ทางด้าน น.ส.ศิราณี ศรีหงษา  ก็รู้สึกดีใจมาก ที่เจอสามีของตน อยากฝากให้ทุกหน่วยงานที่ค้นหาอยากให้ช่วยกันค้นหาให้เจอทุกครอบครัว ซึ่งก็ขอส่งกำลังใจ

ขณะที่ กองเรือปฎิบัติการทัพเรือภาคที่ 1 ได้ส่งเรือตรวจการณ์ หมายเลข 262 ( ต.262) ไปรับกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย จากน้ำมันชื่อ Straits Energy หลังได้ ช่วยเหลือกำลังพล ไว้ 2 นาย หลังจากเกิดเหตุ ในวันที่ 18 ธ.ค ที่ผ่านมา  โดยเรือที่ช่วยได้มาทิ้งสมอ ที่จุดรับนำร่องท่าเรือมาบตาพุด   จ.ระยอง  เบื้องต้น ทั้งคู่ได้รับการดูแลจากเรือน้ำมัน เป็นอย่างดี  ร่างกาย แข็งแรงดี โดยได้ประสานทีมแพทย์ ให้รับตัวเพื่อไปตรวจสุขภาพที่ รพ. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ก่อนจะให้กลับบ้านไปพักฟื้นต่อ

   

ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ข้อสรุปหลังประชุม ทหารเรือ ฝ่ายปกครอง และตัวแทนบริษัทท่าเทียบเรือและหน่วยงานเกี่ยวข้อง จะมีการ  จัดตั้ง 3 ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย     ในพื้นที่อำเภอบางสะพาน คือ  1. ศูนย์ประสานงาน ที่ท่าเทียบเรือน้ำลึกบางสะพาน ซึ่งญาติๆจะสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่จุดนี้  2.ศูนย์พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ตั้งอยู่ที่มูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรม บางสะพาน และศูนย์ที่ 3  ศูนย์ประสานงานสำหรับญาติกำลังพลผู้สูญหายติดต่อที่พักได้ที่   ศูนย์รวมใจอุ่นไอรัก บางสะพาน  ตั้งแต่วันนี้   ซึ่งช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ส่งกำลังพล 9 นายจากโรงพยาบาลบางสะพาน ไปขึ้นเครื่องบินของกองทัพเรือ ไปรักษาต่อที่สัตหีบ จ.ชลบุรี  ขณะที่การค้นหากำลังพล ที่สูญหาย ยังดำเนินการต่อเนื่อง