สรุปข่าว
คำว่ามะยงชิดไม่มีความชัดเจนว่ามีที่มาอย่างไร แต่สันนิษฐานได้ว่ามาจากมะปรางที่มีการปลูกผิดที่ผิดทางจนทำให้รสชาติเปลี่ยนไปจากเดิมกว่ามะปรางทั่วไป ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรียกว่ามะปรางเสวย มีแหล่งปลูกสำคัญที่บริเวณ ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.นนทบุรี มีรสหวาน ผลขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ ไข่เป็ด จากจุดนี้เองเป็นที่มาของการขยายพันธุ์ไปปลูกในพื้นที่บางขุนนนท์และตั้งเป็นชื่อสาย "พันธุ์บางขุนนนท์" ขึ้นมา
รสชาติความหวานของมะปรางแบ่งได้ 5 สายพันธุ์ โดยแบ่งตามรสชาติดังนี้
1. เปรี้ยวที่สุด คือ กาวาง
2. เปรี้ยว คือ มะปรางเปรี้ยว
3. เปรี้ยวอมหวาน คือ มะยงห่าง
4. หวานอมเปรี้ยว คือ มะปราง
5. หวานที่สุด คือ มะยงชิด
จังหวัดนครนายกเป็นพื้นที่ที่ปลูกมะยงชิดมากที่สุดในประเทศไทย โดยพื้นที่ปลูกมีดังนี้
1. อำเภอเมือง
2. อำเภอองครักษ์
3. อำเภอปากพลี
4. อำเภอบ้านนา
ข้อมูลจากสำนักพาณิชย์นครนายก ปี 2564-2565 มีเกษตรกรปลูกมะยงชิดจำนวน 2,642 ครัวเรือน พื้นที่ปลูกรวมกว่า 14,000 ไร่ ให้ผลผลิต 1,804.51 ตัน
สายพันธุ์ที่นิยมปลูก เช่น พันธุ์ทูลเกล้า พันธุ์บางขุนนนท์ พันธุ์ท่าด่าน สาเหตุที่ทำให้มะยงชิดนครนายกมีรสชาติหวานและดีกว่าที่อื่น เพราะสภาพแวดล้อมที่เป็นภูเขา ดินเป็นดินเหนียวปนทรายสามารถอุ้มน้ำได้ดี และอากาศที่มีความหนาวสลับร้อน จึงเป็นเหตุให้รสชาติต่างจากพื้นที่จังหวัดอื่นๆ
เทคนิคการปลูกให้มะยงชิดได้ผลผลิตคุณภาพดี มีตลาด Modern Trade รองรับ
1. ใช้หลอดไฟนีออนแขวนไว้ที่ต้นและกิ่ง เพื่อเร่งให้มะยงชิดออกดอกและผลเร็วกว่าปกติ ที่เดือนธันวาคม โดยเปิดไฟให้สว่างตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 6 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น
2. เมื่อผลเริ่มออกเท่านิ้วหัวแม่มือ ให้นำกระดาษมาห่อที่ผลทุกลูก เพื่อป้องกันโรค และแมลง ด้วยการห่อกระดาษจะทำให้ผลมะยงชิดสีออกเป็นเหลืองอมส้ม
3. ให้ใส่ปุ๋ยมูลวัวนม จะทำให้ได้ผลใหญ่กว่าไข่ไก่ และมีคุณภาพดี
โดยระยะเวลาที่สามารถเก็บเกี่ยวได้คือ 70-75 วัน ซึ่งมะยงชิดจะให้ผลผลิตปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
และสามารถเก็บผลผลิตได้ 2-3 รุ่น
มะยงชิดเป็นผลไม้ตามฤดูกาลจึงไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน การขนส่งให้ห้าง Modern Trade จึงต้องใช้รถที่ควบคุมอุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส เพื่อคงความสดใหม่แก่ผู้บริโภค นอกจากนี้มะยงชิดยังสามารถนำไปแปรรุปได้หลายอย่าง เช่น มะยงชิดแช่แข็ง อบแห้ง ไอศกรีม สมูทตี้ มะยงชิดลอยแก้วเป็นต้น
ที่มาข้อมูล : -