สรุปข่าว
เคยหรือไม่ เป็นแผล แล้วรู้สึกว่าหายช้ากว่าปกติ ซึ่งปัญหาแผลหายช้านั้น สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ประเภทของแผล การดูรักษาแผลระหว่างที่เป็น และรวมไปถึงอาจเป็นสัญญานเตือนของโรคเบาหวานอีกด้วย วันนี้เราจะพาไปดูรายละเอียดของแต่ละสาเหตุ ที่ทำให้แผลหายช้ากัน?
แผลหายช้า เกิดจากอะไร?
แผลหายช้า เกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลักๆ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. สาเหตุจากตัวแผล
ความรุนแรงของแผล: แผลที่ใหญ่ ลึก หรือมีเนื้อเยื่อเสียหายมาก จะใช้เวลารักษานานกว่าแผลเล็กๆ
ตำแหน่งของแผล: แผลที่อยู่บริเวณที่มีการไหลเวียนของเลือดน้อย เช่น ปลายเท้า จะหายช้ากว่าแผลที่อยู่บริเวณที่มีการไหลเวียนของเลือดดี
การติดเชื้อ: แผลที่ติดเชื้อจะหายช้ากว่าแผลที่ไม่ติดเชื้อ
2. สาเหตุจากตัวผู้ป่วย
โรคประจำตัว: โรคบางโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไตวาย ส่งผลต่อการหายของแผล
การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ส่งผลต่อการหายของแผล
การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้แผลหายช้า
ความเครียด: ความเครียดส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้แผลหายช้า
3. สาเหตุจากการดูแลแผล
การทำความสะอาดแผลไม่ดี: แผลที่ทำความสะอาดไม่ดี มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ทำให้แผลหายช้า
การปิดแผลไม่เหมาะสม: การปิดแผลที่ไม่เหมาะสม เช่น ปิดแผลแน่นเกินไป หรือปิดแผลไม่ระบายอากาศ ทำให้แผลหายช้า
การใช้ยาไม่ถูกต้อง: การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาทาแผล ยาแก้อักเสบ ที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้แผลหายช้าได้
แผลหายช้า เป็นสัญญาณเตือนเบาหวานจริงหรือไม่
แผลที่หายช้าอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาเบาหวาน (diabetes mellitus) ได้จริง โดยเฉพาะหากคุณมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน การควบคุมน้ำตาลในเลือดที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า Neuropathy ที่ทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ รวมถึงการทำให้แผลหายช้าได้ นอกจากนี้การควบคุมน้ำตาลในเลือดที่ไม่ดี ทำให้เกิดปัญหาทางเลือดที่สำคัญ เช่น เส้นเลือดแข็งตัว ทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นตัวจากบาดแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้แผลหายช้านั่นเอง
การดูแลแผลให้หายเร็ว
1. ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนๆ วันละ 2 ครั้ง
2. เช็ดแผลให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
3. ทายาตามแพทย์สั่ง
4. ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซหรือวัสดุปิดแผลที่เหมาะสม
5. เปลี่ยนผ้าก๊อซหรือวัสดุปิดแผลวันละ 1-2 ครั้ง
6. สังเกตอาการติดเชื้อ เช่น แผลบวม แดง ร้อน เจ็บ มีหนอง
7. งดสูบบุหรี่
8. ทานอาหารที่มีประโยชน์
9. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
10. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด (สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน)
ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ที่มาภาพปก : freepik/pvproductions
ที่มาข้อมูล : -