เปิดประวัติ 'ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่' กองหลังดาวรุ่ง ทีมชาติอิตาลี

ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ เกิดและเติบโตในกรุงโรมของประเทศอิตาลี โดยที่เจ้าตัวก็ได้รู้จักเกมลูกหนังมาตั้งแต่เด็ก ๆ และมีความชื่นชอบในกีฬาชนิดนี้ ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปอยู่กับอะคาเดมี่ของทีมยักษ์ใหญ่อย่าง โรม่า ในตำแหน่งแบ็คซ้าย

คาลาฟิออรี่ เล่นให้กับทีมเยาวชนของ โรม่า ทุกชุด ไม่ว่าจะเป็นชุดเยาวชน, ชุด U17 และ U19 ซึ่งเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ อิตาเลี่ยน ยูธคัพ U17 และ และ อิตาเลี่ยน ซูเปอร์โคปปา U17 อย่างละ 1 สมัย

เส้นทางของเขาเหมือนจะดูราบรื่นไปได้ด้วยดี แต่ทว่าในระหว่างที่ลงสนามอย่างต่อเนื่อง คาลาฟิออรี่ ก็เกิดมีปัญหาอาการบาดเจ็บ เอ็นไขว้หน้าเข่าขาดในเกมยูธลีกปี 2018 จึงทำให้ต้องหยุดพักการเล่นฟุตบอลไปนานกว่า 1 ปี

"ความแข็งแกร่งของผมนั้นมันมาจากที่ผมอายุยังน้อย ผมไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องอาการบาดเจ็บเลย ผมเข้าใจสถานการณ์ดีว่ามันเป็นอย่างไร ผมไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้เลย ผมเอาแต่ตั้งตารอวันที่ผมจะกลับมาลงสนามได้" คาลาฟิออรี่ กล่าวถึงอาการบาดเจ็บ

หลังจากพักรักษาตัวจนสามารถกลับมาลงสนามได้ แต่ทว่า นักเตะรายนี้กลับไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามให้กับ โรม่า เลยเนื่องจากว่ามีนักเตะรุ่นพี่ในตำแหน่งแบ็คซ้ายอยู่เต็มทีม ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ และ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า ทำให้สุดท้ายแล้ว สโมสรก็ได้ตัดสินใจปล่อย คาลาฟิออรี่ ไปให้ เจนัว ยืมตัวไปใช้ครึ่งฤดูกาลในช่วงหน้าตลาดหน้าหนาวของปี 2021-2022

และเมื่อกลับมาที่สโมสรอีกครั้ง คาลาฟิออรี่ ก็ไม่ใช่นักเตะตัวเลือกของ โรม่า อีกต่อไป ก่อนที่ปลายเดือนสิงหาคม 2022 เขาจะถูกขายให้กับ เอฟซี บาเซิล หลังจากนั้นเขาก็เริ่มพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง หลังจากอาการบาดเจ็บครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต และต่อมาก็  ก็ได้โอกาสกลับมาเล่นในประเทศบ้านเกิดอีกครั้งกับ โบโลญญ่า ในเซเรียอา อิตาลี ที่มี ติอาโก้ ม็อตต้า เป็นกุนซืออยู่ในเวลานั้น

และก็ได้ทาง ม็อตต้า ที่เป็นคนชุบชีวิตและเปลี่ยนตำแหน่ง คาลาฟิออรี่ จากแบ็คซ้าย ไปเล่นเป็น เซ็นเตอร์แบ็คฝั่งซ้ายแทน

"การย้ายจากตำแหน่งฟูลแบ็คมาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คเป็นอะไรที่ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลย ตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามา โบโลญญา ผมได้คุยกับ ติอาโก้ ม็อตตา และเขาบอกกับผมทันทีว่าผมจะต้องเป็นปราการหลังตัวกลาง" แนวรับวัย 22 ปี กล่าว

จากการลงสนามในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค คาลาฟิออรี่ ก็ได้มีโอกาสติดทัพอัซซูรี่ มาลุยศึกยูโร 2024 รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ โดยผลงานในการเดบิวแรกในยูโร คาลาฟิออรีสร้างความประทับใจในการแข่งขันที่อิตาลีชนะ 2-1 โดยมีสถิติออกมาว่า เขาส่งบอลสำเร็จ 99 ครั้งจาก 106 ครั้ง (93.4%) เลี้ยงบอลผ่านสำเร็จทั้งสองครั้ง ชนะการดวลตัวต่อตัว 6 ครั้งจาก 9 ครั้ง รวมถึงการโหม่งชนะทั้งสามครั้ง และแย่งบอลได้ 5 ครั้ง เลยทีเดียว

ถึงแม้ว่า อิตาลี จะตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปก่อนด้วยการแพ้ให้กับ สวิตเซอร์แลนด์ โดยในเกมนี้ คาลาฟิออรี่ ไม่สามารถลงสนามได้ เนื่องจากได้รับใบเหลือง ซึ่งเป็นใบที่สองของเขาในทัวร์นาเมนต์นี้ ทำให้เขาติดโทษแบนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

หลังจาก อิตาลี ตกรอบไป แต่ในหน้าสื่อต่างๆ ก็ยังพูดถึงชื่อของ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ กองหลังวัย 22 ปี ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส และ นาโปลี โดยเฉพาะในศึกพรีเมียร์ลีก ที่มีทั้ง เชลซี และ อาร์เซนอล ที่กำลังให้ความสนใจอยู่ในตอนนี้

โดยรายงานจาก คอร์ริเอเร่ เดลโล่ สปอร์ต ระบุว่า อาร์เซนอล ได้ทำการยื่นข้อเสนอ 47 ล้านยูโร หรือประมาณ 39.8 ล้านปอนด์ เพื่อเซ็นสัญญา ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาที่ โบโลญญ่า ต้องการแต่ทว่าทางสโมสรก็ยังไม่ตอบรับกลับมา

ส่วนอีกทีมอย่าง เชลซี จะเริ่มเดินเครื่องดีลนี้แบบเต็มสูบ หลังมีรายงานจาก Football London ว่า เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือป้ายแดงเชลซี อยากได้ผู้เล่นในแนวรับฝั่งซ้ายคนใหม่ ซึ่ง ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี สามารถเล่นได้ทั้งในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง และ แบ็กซ้าย

และสิ่งที่ทำให้ดีลนี้มีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น นั่นคือการที่เมื่อปี 2022 ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ได้พูดถึงความฝันของตัวเองว่า "ผมมีสองภาพในหัว หนึ่งกลับอิตาลี บางทีอาจจะอยู่ที่โรม หรือความฝันของผมอีกอย่างคือการได้เล่นในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ผมชอบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หรือ เชลซี มาก ๆ"

อย่างไรก็ตาม โจวานนี่ ซาร์โตรี่ ผู้อำนวยการของ โบโลญญ่า บอกว่าเซ็นเตอร์แบ็ควัย 22 ปีจะไม่ไปอยู่กับ ยูเวนตุส หมายความว่าการย้ายไปพรีเมียร์ลีกยังมีความเป็นไปได้มากที่สุด

ทั้งนี้ หลังจากจบศึกยูโร 2024 ต้องมารอดูว่า ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ จะมีโอกาสได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรไหนในฤดูกาล 2024/25