![คิดถึงจังหนังไทย "โหมโรง" หนังที่จะทำให้เราภูมิใจในความเป็นไทย](/static/images/a9575395-0cf7-440b-b205-c236226826aa.jpg)
![คิดถึงจังหนังไทย "โหมโรง" หนังที่จะทำให้เราภูมิใจในความเป็นไทย](/static/images/a9575395-0cf7-440b-b205-c236226826aa.jpg)
สรุปข่าว
“โหมโรง” เป็นภาพยนตร์สุดคลาสสิก ตัวแทนหนังไทยในเวทีออสการ์อีกเรื่อง ภาพยนตร์ที่ถูกดัดแปลงมาจากชีวิตของ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ครูคนสำคัญของวงการดนตรีไทย เหตุการณ์เริ่มขึ้นราวพุทธศักราช 2429 ในประเทศสยาม ศร เด็กหนุ่มที่มีความผูกพันกับดนตรีไทยมาตั้งแต่เกิด ได้รับการถ่ายทอดฝีมือในการตีระนาดเอกจาก ครูสิน ผู้ซึ่งเป็นทั้งบิดาและครูสอนดนตรีไทย
ศร กลายเป็นดาวเด่นในเชิงระนาดเมื่อก้าวเข้าสู่วัยหนุ่ม ฝีมือของศรยากหาใครทัดเทียมในอัมพวา หลังจากชนะประชันครั้งแล้วครั้งเล่า ศรจึงเกิดความลำพองในฝีมือของตนเอง จนเมื่อศรเดินทางเข้ามายังบางกอก เขาพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกต่อขุนอิน ผู้มีฝีมือการเล่นระนาดในระดับสูง และมีทางระนาดที่ดุดัน ศรกลายเป็นคนที่สูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่เขาก็กลับมามุมานะฝึกปรือฝีมืออีกครั้ง และคิดค้นทางระนาดแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร จนในที่สุด ศรก็ได้รับการอุปถัมป์ให้เป็นนักดนตรีประจำวังบูรพาภิรมย์ของสมเด็จฯ และได้พบกับ แม่โชติ สตรีผู้สูงศักดิ์ที่กลายมาเป็นคู่ชีวิตของศรในเวลาต่อมา
ในช่วงบั้นปลายชีวิต “ศร” ต้องพบกับความเจ็บปวดเมื่อรัฐบาลต้องการจะปรับโฉมประเทศใหม่ ให้มีอารยะเหมือนตะวันตก การต่อสู้เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นไทยจึงเกิดขึ้น
ใครมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ ต้องบอกว่าฉากประชันระนาด ระหว่าง “ศร” กับ “ขุนอิน” มันสะใจมากๆ ต้องชื่นชมนักแสดงคุณภาพอย่าง “โอ อนุชิต” ที่ทุ่มสุดชีวิตในการฝึกฝนดนตรีไทย จนเล่นออกมาได้อย่างสมจริง ซึ่งเขาใช้เวลาในการฝึกนานถึง 8 เดือน
อยากให้ดูเรื่องนี้มากๆ ประทับใจ สะใจ และสะเทือนใจไม่น้อย และนี่คือที่มาว่าทำไม หนังนอกสายตา ที่ดาราไม่ใช่แม่เหล็กเรื่องนี้ ถึงอยู่ในความทรงจำมาจนถึงทุกวันนี้
ที่มาข้อมูล : -