"คุณสู้เราช่วย"ดันจีดีพีไทยเพิ่มร้อยละ 0.7
ม.หอการค้าไทย ชี้ โครงการ "คุณสู้เราช่วย" ส่งผลดีต่อทั้งลูกหนี้ สถาบันการเงินและเศรษฐกิจส่งเงินเข้าระบบ 80,000-100,000 ล้านบาท ดันจีดีพีเพิ่มร้อยละ 0.5-0.7
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ที่พักชำระดอกเบี้ย และลดเงินต้นในช่วง 3 ปี แต่ต้องไม่กู้หนี้เพิ่มภายใน 1 ปีนั้น จะเป็นประโยชน์กับทั้งลูกหนี้ สถาบันการเงิน และเศรษฐกิจไทย
โดยในส่วนของลูกหนี้นั้น จะประหยัดเงินที่จะนำไปใช้จ่ายดอกเบี้ยทำให้มีเงินเหลือมาใช้จ่าย และเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจได้มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เงินต้นลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 3 ปี ส่งผลให้ยอดหนี้คงค้างในระบบลดลงได้อย่างน้อยราวๆ 100,000 ล้านบาท
ละสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลดลง และอาจมาอยู่ที่ร้อยละ 87 ได้ในปีหน้าจากปัจจุบันที่ร้อยละ 89 และที่สำคัญเมื่อแก้ปัญหาหนี้เสียได้แล้ว ประชาชนและเอสเอ็มอีก็จะไม่ติดเครดิตบูโร ทำให้ขอสินเชื่อใหม่ได้
ส่วนสถาบันการเงิน หลังจากมีการกันสำรองไว้ในระดับสูงแล้ว ก็จะสามารถตีกลับมาเป็นการรับรู้รายได้ได้ และยังทำให้การเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ทำได้ดีขึ้นและน่าจะมีเม็ดเงินส่วนเหลือในการปล่อยสินเชื่อใหม่ได้มากขึ้น
ขณะที่ระบบเศรษฐกิจไทยนั้น เมื่อผู้กู้คล่องตัวมากขึ้นก็น่าจะประคองธุรกิจไม่ให้ล้ม รักษาการจ้างงานไว้ได้ ส่วนธุรกิจธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ ค่ายรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ น่าจะขยายตัวได้ดีขึ้น
เพราะไม่ต้องยึดรถและบ้านมาขายทอดตลาดในราคาต่ำ ไม่ทำให้ทรัพย์สินด้อยคุณภาพลงโดยไม่จำเป็น และเมื่อกลับมาปล่อยกู้ได้มากขึ้น ระบบเศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ มาตรการพักชำระดอกเบี้ยและลดเงินต้น น่าจะเติมเงินในระบบเศรษฐกิจได้ 80,000-100,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นได้อีกร้อยละ 0.5-0.7 และเมื่อรวมกับการแจกเงิน 10,000 ให้ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปอีก 40,000 ล้านบาท
และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรวม 40,000 ล้านบาท น่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ราว 160,000-180,000 ล้านบาท และทำให้จีดีพีเพิ่มได้อีกร้อยละ 1.5 หากไม่มีความเสียหายจากสงครามการค้าที่คาดจะทำให้เงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจไทยประมาณ 160,000 ล้านบาท
ข่าวแนะนำ