TNN ส่งออกทองเก็งกำไรพุ่ง 169%สวนทางอัญมณี

TNN

เศรษฐกิจ

ส่งออกทองเก็งกำไรพุ่ง 169%สวนทางอัญมณี

จีไอที เผย ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ต.ค.67 มูลค่า 735.02 ล้านดอลลาร์ ลดร้อยละ 1.77 ด้าน ส่งออกทองคำ กำไรพุ่ง 169.31% หลังราคาทำนิวไฮใหม่อีกครั้ง คาด 2 เดือนสุดท้าย ยังส่งออกได้ดี จากเศรษฐกิจฟื้น คนเริ่มมีกำลังซื้อ เข้าสู่คริสมาสต์และปีใหม่

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เดือน ต.ค.2567 มีมูลค่า 735.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.77 กลับมาติดลบ 2 เดือนติดต่อกัน และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 2,966.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 88.14 ส่วนยอดรวม 10 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-ต.ค.) การส่งออกไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 7,788.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.35 หากรวมทองคำ มูลค่า 15,415.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.32


สำหรับการส่งออกทองคำเดือน ต.ค.2567 มูลค่าสูงถึง 2,231.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มร้อยละ 169.31 เนื่องจากราคาทองคำในเดือน ต.ค. ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,777.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยได้รับปัจจัยหนุน จากความกังวลในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคุกรุ่น ทำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับการเก็งกำไรทองคำอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกองทุนทองคำ SPDR ที่มีการซื้อทองคำต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ทำให้มีการส่งออกไปเก็งกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนยอดรวม 10 เดือน ส่งออกทองคำมีมูลค่า 7,626.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มร้อยละ 43.53 


นายสุเมธ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือ คาดว่า จะยังคงขยายตัวได้ดี เพราะภาพรวมเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีการจ้างงาน และอัตราว่างงานลดลง อัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายลดลง ทำให้ลดภาระครัวเรือน ส่งผลให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและกล้าใช้จ่ายมากขึ้น และช่วงเดือน ธ.ค. ยังเป็นช่วงคริสมาสต์และส่งท้ายปีเก่า เป็นช่วงที่มีการใช้จ่ายซื้อสินค้ามากกว่าปกติ โดยอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นหนึ่งในสินค้าที่ซื้อเป็นของฝากของขวัญ


อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านของผู้นำสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง จากแนวนโยบายการใช้มาตรการทางภาษีและไม่ใช่ภาษี เพื่อกดดันประเทศคู่ค้าที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในลำดับต้นๆ อย่างจีน แคนาดา เม็กซิโก และเวียดนาม ทั้งยังอาจขยายไปยังลำดับรองลงมา เช่น ไทย ที่ต้องเฝ้าระวัง


ที่มา TNN

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง