ITD ชง4อุตฯเด่นไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD เปิดเผยถึงผลการศึกษาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มองไปข้างหน้าเพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสในอนาคต  ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่สั่งการให้จัดทำหลักสูตร LTD เพื่อสร้างผู้นำที่มีความสามารถในการออกแบบยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศ ผ่านการระดมสมอง ระดมความคิดเห็นของภาครัฐและภาคเอกชนที่มาเข้าร่วมหลักสูตร โดยปีนี้ได้จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายใน 4 อุตสาหกรรม ได้แก่ ท่องเที่ยว เกษตรและอาหาร การแพทย์ และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการสร้างงานและเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

 ทั้งนี้ จากการอบรมหลักสูตร รุ่น1 จึงได้ข้อสรุปร่วมกันในการกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาของ 4  อุตสาหกรรม ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยว เชื่อมโยงท่องเที่ยวกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อาหาร การคมนาคม และการแพทย์ และเชื่อมโยง Soft Power

สำหรับภาคการเกษตร ได้มีข้อเสนอให้ปรับปรุงโครงสร้างภาครัฐและนโยบายการเกษตรเพื่ออนาคต โดยรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมและอาหาร เช่น หน่วยงานด้านการตลาด การวิจัยนวัตกรรม และการแปรรูปสินค้าเกษตร มาอยู่ภายใต้สังกัดเดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรอย่างครบวงจร 

ส่วนอุตสาหกรรมการแพทย์ มีเป้าหมายการพัฒนาไทยสู่ศูนย์กลางธุรกิจผ่าตัดเสริมความงามระดับโลก ซึ่งไทยมีจุดแข็งจากด้านการท่องเที่ยว และบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐาน จึงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และความงามจากทั่วโลกได้ โดยเสนอผลักดันให้มีการจัดตั้งหน่วยงาน Thailand Aesthetic Surgery Agency (TASA) ที่จะทำหน้าที่ออกใบอนุญาตแก่แพทย์ต่างชาติ การควบคุมมาตรฐาน ระบบการจัดการข้อร้องเรียน 

ขณะที่เศรษฐกิจดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ด้วยเทคโนโลยี Generative AI ด้วยการจัดทำโครงการ “TH ai prospers” ที่มุ่งพัฒนา SMEs ไทย ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI เสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการ  

โดยมีอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นอุตสาหกรรมนำร่อง โดยใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค โอกาสทางการค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายโอกาสทางการตลาด อาทิ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงตลาดระดับโลก

ที่มา TNN