คลังชี้ไทยลงทุนต่ำกระสุนเหลือ 3ล้านลบ.
"พิชัย" ชี้ไทยอยู่ในภาวะลงทุนต่ำ มีสภาพคล่องแต่ไม่เกิดลงทุนใหม่ รัฐบาลเหลือกระสุน แค่ 3 ล้านล้านบาท พร้อมลุย 5 เรื่อง ปลุกเศรษฐกิจไทย
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง ปาฐกถาพิเศษ "Navigating Economic Challenges : The Future of Fiscal Policy ฝ่าพายุเศรษฐกิจไทยด้วยนโยบายการคลัง"ว่า ปัจจุบันสถานะของประเทศไทย ขาดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง มามากกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีเม็ดเงินลงทุนแค่กว่าร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ
ทั้งนี้การเกิดภาวะการลงทุนต่ำไม่ใช่เพราะไทยไม่มีเงิน แต่เป็นเพราะจีดีพีไทยโตต่ำ โดยเฉลี่ย 10 ปี จีดีพีแค่ร้อยละ 1.9 ต่อปีเท่านั้น
อีกปัญหาสำคัญ คือ เรื่องหนี้ครัวเรือนสูง ซึ่งปัจจุบันหนี้บ้าน หนี้รถ เริ่มค้างชำระ หรือเริ่มเป็นหนี้เสียแล้ว ซึ่งเป็นสินเชื่อเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ตามหลักการแล้วคนจะปล่อยให้เป็นหนี้เสีย ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการขนาดกลางแลขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ก็มีหนี้ท่วม ทำให้หาแหล่งเงินมาเสริมสภาพคล่องยาก
ส่วนภาคธุรกิจขนาดใหญ่นั้น แม้อยู่ในภาวะการลงทุนต่ำ แต่เครื่องจักรเดิมยังทำงานอยู่ สินค้าเดิมก็ยังต้องผลิตอยู่ ในเครื่องจักรเดิม บริษัทยังทำกำไรได้ แต่บริษัทเหล่านี้นำเงินกำไรที่ได้ ไปจ่ายปันผล ไม่ได้ลงทุนเพิ่ม เพราะฉะนั้น มีสภาพคล่องเยอะ แต่ไม่ยอมลงทุน และไม่ยอมปล่อยเงินออกมาให้กู้
สำหรับรัฐบาล มีการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย และมีระเบียบเรื่องหนี้สาธารณะ ในกรอบไม่เกินร้อยละ 70 ของจีดีพี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 66-67 ต่อจีดีพีแล้ว ขณะที่ ในปี 2567 จีดีพีจะขยายตัวน้อยละ 2.7 ต่อปี คาดว่ามูลค่า 19-20 ล้านล้านบาท
ส่วนหนี้สาธารณะสิ้นปี 2567 คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 65-66 ต่อจีดีพี เพราะฉะนั้นพื้นที่ทางการคลังเหลือน้อย หนี้สาธารณะเหลือเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น จะเต็มกรอบร้อยละ 70 หรือคิดเป็นมูลค่า จะเหลือหนี้สาธารณะที่ใช้ได้เพียง 3 ล้านล้านบาทในตลอด 4 ปี ต่อไปนี้ ซึ่งเฉลี่ยรัฐบาลจะใช้ได้ปีละ 750,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เม็ดเงินที่รัฐบาลจะใส่ไปในนโยบายที่จะช่วยในการดูแลเศรษฐกิจ และส่งเสริมการลงทุนให้เพิ่มขึ้น มี 5 เรื่อง 1.เร่งแก้ปัญหาพลังงานราคาสูง
2. การเดินหน้า เเลนด์บริดจ์
3.ระบบการจัดการน้ำท่วม น้ำแล้ง
4.การลดค่าใช้จ่ายค่าโดยสารของขนส่งสาธารณะ
และ 5. การกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์
ที่มา TNN
ข่าวแนะนำ