TNN คลังพร้อมถกคมนาคม ตั้งกองทุนซื้อรถไฟฟ้า | ย่อโลกเศรษฐกิจ

TNN

เศรษฐกิจ

คลังพร้อมถกคมนาคม ตั้งกองทุนซื้อรถไฟฟ้า | ย่อโลกเศรษฐกิจ

คลังพร้อมถก “คมนาคม” ตั้งกองทุนรวมซื้อคืนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คาดรัฐต้องใช้เงินซื้อสัมปทานมากกว่า 500,000 ล้านบาท ดึงรถไฟฟ้า 7 สายกลับมาบริหาร

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงคมนาคมมีแนวคิดจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อซื้อสัมปทานการบริหารโครงการรถไฟฟ้าจากภาคเอกชนคืนกลับมาเป็นของรัฐบาล และกำหนดค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ว่า กระทรวงการคลัง ได้รับการติดต่อจากกระทรวงคมนาคม ผ่านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ถึงแนวคิดการลงทุนดังกล่าวแล้ว และจะนัดหารือกันเพื่อหาแนวทางการผลักดันต่อไป  โดยแนวคิดนี้คลังเชื่อว่าสามารถทำได้ในการตั้งกองทุนฯ ขึ้นมาเพื่อซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าจากเอกชนมาเป็นทรัพย์สินของรัฐ  แต่จะต้องมีการหารือกันในรายละเอียดก่อน 


แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลักการของแนวคิดดังกล่าว กระทรวงการคลัง จะมีการตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมา มีลักษณะเป็นกองทุนรวมระยะยาว และมีการเปิดขายหน่วยลงทุน ให้แก่ประชาชน หรือนักลงทุนสถาบัน เพื่อนำเงินจากหน่วยลงทุน ไปซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสายที่เป็นของเอกชนมาเป็นของรัฐ จากนั้นให้นำรายได้และกำไรจากค่าโดยสาร มาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับนักลงทุน  


อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่า หากรัฐบาลจะใช้เงินซื้อสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าจากเอกชนกลับมาทั้งหมด อาจต้องใช้เงินมากกว่า 500,000 ล้านบาท จำนวน 7 โครงการ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลัก หรือบีทีเอส ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน มูลค่า 50,000 ล้านบาท  สายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 27,000 ล้านบาท สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางซื้อ 1.15 แสนล้านบาท สายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ, หัวลำโพง-บางแค 81,000 ล้านบาท  สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง 48,000 ล้านบาท สายสีชมพู 51,000 ล้านบาท และสายสีส้ม บางขุนนนท์-มีนบุรี 140,000 ล้านบาท 


นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม ยังมีแนวคิดจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ดำเนินการศึกษาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด เพื่อศึกษา ความเป็นไปได้ และนำรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ส่งเข้ากองทุนรวมดังกล่าวด้วย เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น


ที่มา TNN 

ข่าวแนะนำ