จับแล้ว! "ทีน่า" หรือ "สรพงษ์" ขีดกระเป๋าเเบรนด์เนมลูกค้าว่าเป็น "ของปลอม"
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบตัว "ทีน่า" หรือ "สรพงษ์" หนีหมายศาลคดีขีดกระเป๋าเเบรนด์เนมลูกค้าว่าเป็น "ของปลอม"
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบตัว "ทีน่า" หรือ "สรพงษ์" หนีหมายศาลคดีขีดกระเป๋าเเบรนด์เนมลูกค้าว่าเป็น "ของปลอม"
จากกรณีที่เป็นข่าวดังในช่วง ธ.ค.64 ของ “ทีน่า” หรือ นายณภาภัช แม่ค้ากระเป๋าเเบรนด์เนมที่ได้ขีดเขียนกระเป๋า Hermes ของลูกค้าที่นำมาฝากขาย โดยอ้างว่าเป็นของปลอม จนกลายเป็นคดีความถูกดำเนินคดีฐานยักยอกและทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งในส่วนของคดีอยู่ในระหว่างการดำเนินการในชั้นศาล
ล่าสุด วันนี้ (27 ต.ค.65) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางขุนนนท์ ได้เข้าจับกุม “ทีน่า” หรือนายณภาภัช ที่ คอนโดย่านภาษีเจริญ เนื่องจากผู้ต้องหาได้หลบหนีหมายศาล ไม่มาฟังคำพิพาษาในคดีกระเป๋าเเบรนด์เนมดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียหายอีกหลายราย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา หลังถูกโกงซื้อกระเป๋าเเบรนด์เนม
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือน ธ.ค. 2564 สืบเนื่องมาจาก เจ้าของกระเป๋าแอร์เมส คอนสแตนซ์ 24 (Hermes Constance 24) อาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้ตกลงขายกระเป๋าให้กับนายณภาภัช หรือทีน่า เจ้าของร้านกระเป๋าแบรนด์เนมที่ชื่อว่า ไดมอนด์ 168 กะรัต ในราคา 390,000 บาท
โดยได้ส่งพัสดุไปให้ ปรากฎว่านายณภาภัชกลับบ่ายเบี่ยงไม่โอนเงินให้ อ้างว่าเป็นของปลอม เมื่อลูกค้าขอกระเป๋าคืนกลับไม่ให้ ก่อนที่จะโพสต์วิดีโอคลิปลงในอินสตาแกรม เอาปากกามาเขียนคำว่า "ปลอม" บนกระเป๋า เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2564
น.ส.จิดาภาจึงเดินทางมายังกรุงเทพฯ เพื่อพิสูจน์ว่ากระเป๋าใบดังกล่าวปลอมหรือไม่ นายณภาภัชจึงท้าว่าถ้าเป็นของแท้จะเซ็นเช็คให้ 10 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นของปลอมต้องนำเงินมาให้ 1 ล้านบาท ทำให้ น.ส.จิดาภาโต้กลับว่าถ้าเป็นของปลอมยินดีรับผิดชอบ แต่มาทำอย่างนี้มันไม่ถูก
น.ส.จิดาภาได้แจ้งความต่อตำรวจ สน.บางขุนเทียน เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2564 ในข้อหายักยอกทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ตำรวจโทร.ตามเจ้าของร้านให้มาพบก็ไม่ยอมมา ยืนยันคำเดิมว่าปลอมก่อนวางสาย เมื่อลูกค้าพาตำรวจไปที่ร้านในโครงการคอมมูนิตีมอลล์ เมโทร ทาวน์ ถนนกัลปพฤกษ์ พบว่าร้านปิดปรับปรุง เมื่อสอบถามพบว่าปิดมานานเป็นเดือนแล้ว และเมื่อโทร.หาเจ้าของร้านกลับอ้างว่าของปลอม ไม่คืน ยืนยันจะส่งให้ทางแอร์เมสไปทำลาย แล้วก็ด่าแบบหยาบคาย บอกว่าโอนเงินให้แล้ว เมื่อถามว่าโอนกับใครก็ตอบวกไปวนมา กระทั่งมีโทรศัพท์มายัง น.ส.จิดาภา อ้างเป็นตำรวจกองปราบปราม ถามว่าทำธุรกิจอะไร ก่อนจะบอกว่าให้มาเคลียร์ โดยอ้างว่าเจ้าของร้านเขายอมมาพร้อมกระเป๋าแล้วก็มีหลักฐานจากสมาคมว่าปลอม กระเป๋าไม่ได้เสียหาย ขณะที่นายณภาภัชอ้างว่าปากกาที่เขียนบนกระเป๋าเป็นปากกาลบได้
จากนั้น บริษัท ไดมอนด์ 168 กะรัต จำกัด ได้โอนเงินไปยัง น.ส.จิดาภา จำนวน 395,000 บาท เมื่อเวลา 12.47 น. ของวันที่ 17 ธ.ค. 2564 ก่อนที่นายณภาภัชได้โพสต์หลักฐานการโอนเงิน พร้อมระบุข้อความว่า ถ้าจะจ่าย 2 ล้านบาทขอส่งไปตรวจฮ่องกง ทั้งที่เจ้าตัวกล่าวท้าทาย น.ส.จิดาภาก่อนหน้านี้ว่า ถ้ากระเป๋าใบนี้เป็นของจริงตนจะจ่าย 2 ล้านบาท แล้วเลิกเป็นกะเทยเพราะจะทำให้วงการเสื่อมเสีย
ขณะที่ น.ส.จิดาภา มองว่านายณภาภัชกำลังลักไก่ เพราะโอนเงินโดยที่ยังไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ และได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันว่าขอไม่ประสงค์ที่จะรับเงินก้อนนี้ เพราะทีน่าบอกว่าถ้าแท้จะจ่าย 2 ล้านบาท และจะเลิกเป็นกะเทย พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น "สรพงษ์" ควรที่จะทำตามที่พูด แต่นายณภาภัชบ่ายเบี่ยงว่าชื่อสรพงษ์ ไม่ถูกโฉลกมีอักษรและวรรณยุกต์ที่เป็นกาลกิณี โดยจะขอเปลี่ยนเป็นชื่อประยุทธ์แทน แต่ข้อมูลในทะเบียนราษฎรยังคงใช้ชื่อและนามสกุลเดิม
กระทั่งวันที่ 29 ธ.ค. 2564 น.ส.จิดาภา ได้มอบอำนาจให้นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายณภาภัช ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา รวมทั้งหมด 5 กรรม จากการโพสต์หรือไลฟ์สด กล่าวหาว่า น.ส.จิดาภา นำกระเป๋าปลอมมาหลอกขาย
และมีลักษณะยืนยันว่า น.ส.จิดาภา เป็นมิจฉาชีพ รวมทั้งมีถ้อยคำบางส่วนที่บอกว่าเป็นลูกทรพี หรือ ด่าหยาบคายหลายข้อความ นอกจากนี้ ยังมีการเขียนข้อความว่า ปลอม ลักษณะยืนยันข้อเท็จจริง
ทำให้ น.ส.จิดาภาได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เพราะนายณภาภัช หรือทีน่าเป็นคนมีชื่อเสียง ขณะทำการไลฟ์สด มีผู้ชมและแชร์การดู 3 หมื่นกว่าครั้ง โดยเรียกค่าเสียหาย 700,000 บาท ศาลอาญาได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 3323/2564 และนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 28 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา.
ข้อมูลและภาพจาก ตำรวจสอบสวนกลาง