ทำความรู้จัก “แก๊งไฮบริดสแกม” มิจฉาชีพรูปแบบใหม่ หลอกลงทุนผ่านแอปฯหาคู่
ทำความรู้จัก ‘แก๊งไฮบริดสแกม’ มิจฉาชีพรูปแบบใหม่ ในกัมพูชา หลอกลวงให้ลงทุนผ่านแอปหาคู่ มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ตร.ไทยเปิดปฏิบัติการล่า
วันนี้ ( 23 มิ.ย. 65 )ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผยว่า ได้ส่งชุดปฏิบัติการ PCT ประสานความร่วมมือตำรวจกัมพูชา เข้าทลายแก๊งไฮบริดสแกม ในเมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 21 ราย เตรียมเดินทางไปรับตัว และสอบปากคำด้วยตนเองที่ จว.สระแก้ว สัปดาห์หน้า
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งปราบปราม “แก๊งไฮบริดสแกม” ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนัก และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ตั้งออฟฟิศอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านทำให้เป็นอุปสรรคในการสืบสวน ติดตาม จับกุมตัวมาดำเนินคดี
แก๊งไฮบริดสแกม เป็นอย่างไร?
พฤติการณ์ของแก๊งไฮบริดสแกมกลุ่มนี้ มีแผนประทุษกรรมใช้รูปบุคคลหน้าตาดี แช็ตกับเหยื่อผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ ชื่อแอปฯ Tinder หรือ แอปฯ LINE จากนั้นจะหลอกพูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจหรือเริ่มหลงรัก คนร้ายก็จะชวนให้ร่วมลงทุนใน MetaTrader 5 (ฟอเร็กซ์) หรือซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยจะให้ทำการเทรด วิเคราะห์ทางเทคนิค ตามคำแนะนำ และชักชวนให้ลงทุนกับโบรกเกอร์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกให้ลงเงิน แต่ไม่มีการลงทุนจริง แล้วเอาทรัพย์สินนั้นไป
ตำรวจ PCT รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาล และเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อประสานขอความร่วมมือในการเข้าปฏิบัติการครั้งนี้ โดยเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 12.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดชฯ นำทีมสนธิกำลังกับ พล.ต.ท.วัน วีระ (VANNVIRAK SAM) ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประเทศกัมพูชา, พล.ต.จัตวา บุต พิน (BUT Pinh) หัวหน้าชุดข่าวกรองฯ หรือ อัยการจังหวัดพนมเปญ พร้อมกำลังตำรวจภูธรจังหวัดพระสีหนุ เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทลายสำนักงานแก๊งไฮบริดสแกม 2 แห่ง ในจังหวัดพระสีหนุ ดังนี้
จุดที่ 1 โรงแรมจิงเฉิง ถนนสองธนู
จุดที่ 2 คาสิโนโป๋ไหล ถนนปุโลไว 300
ผลการตรวจค้น พบผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ทั้งหมด 21 คน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงิน” จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาจึงได้ควบคุมตัวไปดำเนินการตามกฎหมายของประเทศกัมพูชา และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจะส่งตัวให้ประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รอง ผบ.ตร. ระบุว่า ภายในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปสอบปากคำด้วยตนเองทันทีที่ผู้ต้องหาเดินทางกลับถึงประเทศไทย ที่ อ.คลองลึก จว.สระแก้ว
หากพบเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน สอท.1441 หรือ ศูนย์ PCT 081 - 8663000 หรือ ผู้เสียหายสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliconline.com
ข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ภาพจาก : AFP/สำนักงานตำรวจแห่งชาติ