‘โจ ไบเดน’ สั่งหน่วยข่าวกรองสืบต้นตอโควิดใน 90 วัน
ผู้นำสหรัฐฯ สั่งให้หน่วยข่าวกรองตรวจสอบต้นตอของโควิด 19 รายงานกลับภายใน 90 วัน ท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัส
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน สั่งการให้หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เร่งตรวจสอบหาต้นตอของโควิด-19 และเพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่า และรายงานให้เขาทราบภายใน 90 วัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นต่างๆ รวมถึงประเด็นที่ว่าไวรัสโควิดเกิดขึ้นจากการที่มนุษย์ติดเชื้อจากสัตว์หรือเกิดจากอุบัติเหตุในห้องทดลอง ท่ามกลางทฤษฎีที่มีการโต้เถียงกันมากมายในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากผู้คนมีความเชื่อที่ต่างกันและยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะประเมิณได้ว่าข้อสันนิษฐานใดเป็นจริงมากกว่ากัน / อีกทั้งจนถึงเวลานี้การสอบสวนยังไม่สามารถไปถึงข้อสรุปได้ว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่นี้ "เกิดขึ้นจากการมนุษย์ไปสัมผัสสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือเกิดจากห้องแล็บโดยไม่ได้ตั้งใจ" กันแน่
แอนดี้ สลาวิตต์ ที่ปรึกษาอาวุโสทำเนียบขาว แถลงวันอังคารว่า คำสั่งสอบสวนนี้นับเป็น "เรื่องจำเป็นที่สุด และเราต้องการกระบวนการที่โปร่งใสจากจีน. เราต้องการความช่วยเหลือจาก WHO.. ซึ่งเรายังไม่ได้เห็นมันในเวลานี้เลย"
นอกจากนี้นายไบเดนยังระบุด้วยว่าสหรัฐฯ จะยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีแนวคิดสอดคล้องกันทั่วโลก เพื่อกดดันจีนให้มีส่วนร่วมกับการสอบสวนของนานาชาติอย่างโปร่งใสและเต็มรูปแบบ โปร่งใส โดยมีหลักฐานเป็นพื้นฐาน พร้อมทั้งเปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย
การเรียกร้องของปธน.สหรัฐฯ ยังเป็นการเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นไปยังองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ที่กำลังมีการประชุมใหญ่ประจำปีสำหรับประเทศสมาชิกในสัปดาห์นี้ หลังจากที่เมื่อเดือนมีนานคมที่ผ่านมา ที่สืบสวนต้นตอโควิด-19 ของ WHO จะชี้ว่า "เป็นไปแทบไม่ได้" ที่ไวรัสจะหลุดออกมาจากห้องแล็บ
ทั้งนี้ การสั่งสืบสวนของผู้นำสหรัฐฯครั้งนี้ ยังมีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่สำนักข่าว The Wall Street Journal รายงานเมื่อวันอาทิตย์ กรณีที่มี "นักวิจัย 3 คน" ที่สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น (Wuhan Institute of Virology) เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล พร้อม ๆ กัน ในช่วงเดือน/พฤศจิกายน 2020 ขณะที่จีนได้รายงานต่อ WHO ถึงผู้ป่วยรายแรกที่มีอาการเหมือนโควิด-19 มีขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม2020
รายงานล่าสุดของสื่อสหรัฐฯ ระบุว่ามีหลักฐานเพิ่มขึ้นว่าไวรัสโควิดอาจมีต้นตอมาจากห้องปฏิบัติการในจีน ทำให้จีนออกมาประณามรายงานดังกล่าวและโต้กลับว่าไวรัสโควิดน่ามาจากห้องปฏิบัติการของสหรัฐฯมากกว่า
หลังจากที่มีกระแสข่าวดังกล่าวออกมา หยวน จื้อ หมิง ผู้อำนวยการสำนักข่าว The Global Times สื่อทางการจีน ก็ออกมาตอบโต้ในทันที่ว่า "เป็นเรื่องโกหกสิ้นดี ไร้ซึ่งหลักฐาน และที่ห้องแล็บไม่เคยมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น และไม่รู้ว่าประเด็นนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร"
ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เจ้า ลี่ เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่า การตรวจสอบเรื่องต้นตอโควิด-19 ครั้งต่อไป ควรไปตรวจสอบที่สหรัฐฯแทนที่จีน เนื่องจาก "บางคนในสหรัฐฯอ้างว่าพวกเขาต้องการความจริง แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ กลับเป็นการ 'มุ่งเป้าทางการเมือง'"
"และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพูดถึงโรคระบาด พวกเขาก็จะโจมตีจีน และพวกเขากลับเพิกเฉยต่อ 'ความล้มเหลว' ของตัวเองในการควบคุมการระบาด อีกทั้งยังอาจเป็นไปได้ว่า ไวรัสอาจมีต้นตอจากแผ่นดินของพวกเขาก็เป็นได้"
ก่อนหน้านี้ทีมสอบสวนข้อเท็จจริงขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ลงพื้นที่ประเทศจีนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และได้มีการออกรายงานสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับต้นตอของโควิด-19 ระบุว่า ข้อสมมุติฐานที่ว่าไวรัสน่าจะถูกทำขึ้นในห้องทดลองของจีน ไม่น่ามีความเป็นไปได้อย่างมาก ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมลงพื้นที่บางคนระบุว่า จีนไม่ได้เปิดโอกาสให้มีการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด ทำให้เคลือบแคลงถึงความโปร่งใส
4 สมมติฐาน ของ WHO
1. หลุดจากห้องแลป
2. แพร่จากสัตว์สู่มนุษย์?
3. สัตว์ตัวใดเป็นตัวกลางนำเชื้อสู่มนุษย์?
4. มนุษย์ติดเชื้อจากอาหารแช่แข็ง?
ล่าสุดมีการยืนยันยอดผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกมากกว่า 168 คนและมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3.5 ล้านคน