"ประยุทธ์-อนุทิน" คาดประเดิมวัคซีนโควิดเข็มแรก 28 ก.พ. เริ่มฉีดปชช. 1 มี.ค.นี้
กระทรวงสาธารณสุข ประชุมทางไกลมอบภารกิจ อสม.พร้อมบอกต่อเรื่องฉีดวัคซีนโควิด-19 เคาะประตูบ้านสำรวจคัดกรองกลุ่มเป้าหมายในชุมชน แนะนำขั้นตอนรับการฉีดวัคซีน เชิญชวนลงทะเบียน LINE "หมอพร้อม" คาดฉีดพร้อมกันทั่วประเทศ 1 มี.ค.นี้
วันนี้ (25 ก.พ.64) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมผู้บริหารสาธารณสุขจังหวัด ประธานชมรม อสม.ในการมอบหมายภารกิจ อสม.พร้อม บอกต่อเรื่องฉีดวัคซีน covid 19 โดยระหว่างประชุมทางไกลได้ย้ำให้ อสม.สร้างความเข้าใจ ถึงความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 รวมถึงความโปร่งใส่ ของการจัดหาวัคซีน หากมีใครก็ตามแอบอ้างค่าใช้จ่ายในการรับฉีดวัคซีน ขอให้แพทย์สาธารณสุขจังหวัดดำเนินการทางกฎหมายทันที เนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในฉีดวัคซีนฟรีแก่ประชาชน
นายอนุทิน ยังระบุอีกว่า ขณะนี้ไทยมีวัคซีนโควิด-19 แล้วกว่า 310,000 โดส จากทั้ง บ.ซิโนแวค และ บ.แอสตราเซเนกา เพื่อคนไทย โดยวัคซีนล็อตแรกนี้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับผู้ผลิตวัคซีนทุกประการ หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะดำเนินการฉีด
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ระบุว่า สำหรับการจัดหาและจัดบริการฉีดวัคซีนได้มอบหมายให้ อสม.กว่า 1,050,000 คน ลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน รวมทั้งให้สำรวจกลุ่มเสี่ยง และคัดกรองกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนเป็นอันดับแรก รวมถึงขั้นตอนการรับการฉีดวัคซีนผ่านผ่าน line @หมอพร้อม ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารติดตามอาการ นัดหมายการรับวัคซีน และรายงานผล
ขณะเดียวกัน นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 กล่าวว่า คาดการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะมีขึ้นในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการตรวจรับรองรุ่นการผลิต ตรวจสอบประสิทธิภาพของวัคซีนทั้ง 2 บริษัทแล้วเสร็จ โดยสถานที่ที่จะมีการฉีดวัคซีน คือ สถาบันบำราศนราดูร
ส่วนเรื่องการฉีดในประชาชนทั่วไปในแต่ละจังหวัด คาดเริ่มวันที่ 1 มี.ค.นี้ ส่วนเรื่องรายละเอียดหรือแผนการฉีดกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับแผนการกระจายวัคซีนใน 18 จังหวัด จะอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด, พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ สมุทรสาคร, กรุงเทพมหานคร (ฝั่งตะวันตก), ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ, ตาก (อำเภอแม่สอด), นครปฐม, สมุทรสงคราม, ราชบุรี, ชลบุรี, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย), เชียงใหม่, กระบี่, ระยอง, จันทบุรี, ตราด, และเพชรบุรี
ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ วันนี้ได้มีการซักซ้อมขั้นตอนการฉัดวัคซีนที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งขั้นตอนเริ่มตั้งแต่ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าผ่าน QR code และเมื่อเดินทางมาถึงยังจุดรับการฉีดวัคซีน จะต้องตรวจสอบสิทธิ บันทึกข้อมูลประวัติ และกรอกเอกสารความยินยอม จากนั้นจึงวัดอุณหภูมิ วัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนและนั่งพักสังเกตอาการเป็นเวลา 30 นาที และขั้นตอนสุดท้ายคือการตรวจสอบอาการก่อนกลับ พร้อมกับรับเอกสารคำแนะนำการปฏิบัติตัวหลังการฉีดวัคซีน
ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้ลงพื้นที่ดูการสาสาธิตการฉีดวัคซีน ระบุว่า กรุงเทพฯ ได้รับวัคซีนจำนวน 66,000 โดส ซึ่งสามารถฉีดให้กับประชาชนได้ราว 33,000 คน ในระยะเวลาห่างกันตั้งแต่ 2-4 สัปดาห์ ซึ่งจะเริ่มฉีดในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ในสัปดาห์แรก สัปดาห์ที่ 2 คือ อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร หรือ อสส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสผู้ป่วยโควิด 19 โดยกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับวัคซีนในระยะแรกคือ กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังและกลุ่มผู้ป่วยโรคเสี่ยง และประชาชนทั่วไป ในช่วงวันที่ 25 มี.ค.เป็นต้นไป