ซาอุดีอาระเบีย ยกเลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัย ต้อนรับผู้ร่วมพิธีฮัจญ์ประจำปี
ซาอุดีอาระเบีย ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ไม่บังคับสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดอีกต่อไป ก่อนการประกอบพิธีฮัจญ์ประจำปี ซึ่งจะมีผู้แสวงบุญต่างชาติร่วมพิธีครั้งแรกในรอบ 2 ปี ตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด
ซาอุดีอาระเบีย แถลงในวันจันทร์ (13 มิ.ย.65) ว่า จะไม่มีการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดส่วนใหญ่อีกต่อไป ซึ่งเป็นการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม ก่อนการแสวงบุญใน "พิธีฮัจญ์" ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านี้
โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นขณะที่ ซาอุดีอาระเบียเตรียมการต้อนรับผู้แสวงบุญประมาณ 850,000 คนจากต่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ประจำปี
ผู้แสวงบุญต่างประเทศชุดแรก ตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 จากอินโดนีเซียเริ่มเดินทางถึงแล้วเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน
อย่างไรก็ตาม การสวมหน้ากากอนามัยจะยังบังคับใช้ในมัสยิดหลักของนครเมกกะ ซึ่งล้อมรอบกะบะฮ์ ที่ชาวมุสลิมจะร่วมกันทำละหมาด และมัสยิดของท่านศาสดาในเมดินา ซึ่งเป็นที่ฝังของศาสดาโมฮัมหมัด จากรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์โดยสำนักข่าวซาอุดี เพรส อ้างแหล่งข่าวกระทรวงมหาดไทย
รายงานระบุว่า นอกเหนือจากข้อกำหนดเหล่านั้นแล้ว ก็ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดอีกต่อไป แม้ว่าเจ้าของสถานประกอบการสามารถยืนกรานให้สวมหน้ากากอนามัย หากพวกเขาต้องการก็ตาม
นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบีย ยังไม่บังคับให้ประชาชนแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชั่นอีก เมื่อต้องการเข้าไปในสถานที่ปิดต่าง ๆ หลังจากที่มีการบังคับใช้มานานหลายเดือน
ทั้งนี้ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทางการซาอุดีอาระเบียต้องระงับการแสวงบุญของชาวมุสลิม ซึ่งปกติแล้ว จะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ นำเงินเข้าประเทศประมาณ 12,000 ล้านดอลลารสหรัฐต่อปี.
ภาพจาก แฟ้มภาพ AFP