TNN online สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเดินทางไปจีนในยุคหลังโควิด-19 (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

TNN ONLINE

คอลัมนิสต์

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเดินทางไปจีนในยุคหลังโควิด-19 (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเดินทางไปจีนในยุคหลังโควิด-19 (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเดินทางไปจีนในยุคหลังโควิด-19 (ตอน 1 ) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

ช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม ที่ผ่านมานับเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในหลายเมืองของจีน แม้ว่ามีข้อมูลว่าการติดเชื้อใหม่อยู่ในระดับ 2,000-3,000 คนต่อวัน แต่ภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนก็ยกระดับมาตรการควบคุม ล็อกดาวน์บางเมือง บล็อกดาวน์บางพื้นที่ ปิดบริการกิจการบางแห่ง และเร่งตรวจการติดเชื้อของประชาชนในทันที 

ขณะเดียวกัน การเดินทางระหว่างเมืองและจากต่างประเทศเข้าจีนก็มีความเข้มข้นสุดพรรณนา ตั้งแต่การยื่นของวีซ่า การจองตั๋วเครื่องบิน และอื่นๆ ก่อนการเดินทาง 

และเมื่อเดินทางไปถึงจีน ก็ยังต้องเผชิญกับการกักตัวที่เข้มงวดยาวนานเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด อันนำไปสู่คำถามจากคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักเรียนนักศึกษาไทยที่เริ่มทยอยกลับเข้าจีนนับแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เราไปเจาะลึกถึงขั้นตอนเหล่านั้นกันเลยครับ ...

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ผมก็เลยขอสัมภาษณ์นักธุรกิจและนักเรียนนักศึกษาไทยที่มีประสบการณ์ตรงเก็บข้อมูลเชิงลึกในเรื่องนี้ในหลากหลายประเด็น อาทิ ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเดินทาง สภาพการตรวจเชื้อและกักตัวเมื่อไปถึงจีน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจมาแบ่งปันกัน 

การเดินทางเข้าจีนมีขั้นตอนกระบวนค่อนข้างมาก ผู้ให้สัมภาษณ์บางคนถึงขนาดใช้คำว่า “มหากาพย์” เลยทีเดียว โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนหลังการรับวีซ่าก่อนเดินทางขึ้นเครื่องมาจีน

ขั้นตอนในส่วนนี้ ต้องวางแผนเรื่องเวลาให้พอเหมาะพอดี เพราะวีซ่าที่ได้รับกำหนดระยะเวลาให้เดินทางภายในเวลาที่กำหนด ขณะเดียวกัน ตั๋วเครื่องบินก็มีหายากแล้ว ยังมีราคาแพงมาก 

ดังนั้น ก่อนยื่นวีซ่า ผู้โดยสารจึงต้องตรวจสอบก่อนว่า เที่ยวบินไปจีนจะมีวันใด และคำนวณวันที่จะได้รับตราประทับวีซ่าให้พอดีกับวันที่เดินทาง โดยอาจเผื่อเวลาเดินทางหลังรับวีซ่าอย่างน้อย 7-14 วัน เพราะต้องตรวจคัดกรองโควิดตามมาตรการ และต้องเตรียมข้าวของใช้ส่วนตัวและค่าใช้จ่ายระหว่างกักตัวอีกด้วย  

ผู้เดินทางท่านหนึ่งแนะนำให้ดูคำประกาศเงื่อนไขข้อกำหนดการขอวีซ่า และคำแนะนำตามขั้นตอนใน visaforchina.org ซึ่งหากมีสงสัยประการใด ก็แนะนำให้อีเมล์ไปถามเจ้าหน้าที่ อาทิ ในกรณีที่ได้รับใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) เอกสารรับรองการทำงาน และเอกสารการฉีดวัคซีน

ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติการขอวีซ่าจะใช้เวลาราว 14 วัน ดังนั้น การหาตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าจึงควรคำนวณเวลาที่คาดว่าจะได้รับวีซ่าบวกไปอีกอย่างน้อย 7-14 วัน แต่ต้องไม่เกิน 1 เดือน

ทั้งนี้ ศูนย์วีซ่าจะโทรศัพท์แจ้งให้ไปรับหนังสือเดินทางและวีซ่า โดยวันที่แจ้งจะเป็นวันที่ประทับตราวีซ่าเลย ในกรณีที่ศูนย์วีซ่าโทรแจ้งช่วงหลังเที่ยง และผู้โดยสารไม่สามารถเดินทางไปรับเอกสารในวันที่ได้รับแจ้งไม่ทัน ก็ให้ไปรับวันถัดไป 

โดยที่วีซ่าที่ประทับตราจะกำหนดให้ใช้ในการเดินทางภายในเวลา 1 เดือนเท่านั้น หากเกินเวลาดังกล่าว ผู้ต้องการเดินทางเข้าจีนต้องยื่นขอวีซ่าใหม่ 

ตั๋วเครื่องบินในช่วงนี้มีราคาสูงระดับเฉียดหลักแสนบาท หรือถ้าไม่จองล่วงหน้าดีๆ อาจเหลือเฉพาะตั๋วพรีเมี่ยมที่มีราคาสูงถึง 2 แสนบาทก็เป็นได้ ขณะเดียวกัน ในการเลือกเส้นทางบิน ผู้โดยสารก็ต้องใช้บริการเที่ยวบินตรงไปจีนเท่านั้น (ไม่สามารถจอดพักที่อื่นได้) 

จำนวนเที่ยวบินตรงไปจีนมักมีเที่ยวบินน้อย ไม่ได้มากเหมือนในช่วงก่อนโควิด เช่น เมืองละ 1 เที่ยวต่อเดือน ทั้งนี้ หากจวนตัวจริงๆ ก็แนะนำให้ลงที่เมืองไหนในจีนก็ได้ เพื่อให้ทันอายุวีซ่า ผู้ต้องการเดินทางจะได้ไม่ต้องกลับไปยื่นเรื่องขอวีซ่าใหม่  

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเดินทางไปจีนในยุคหลังโควิด-19 (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ทั้งนี้ สายการบินของจีนที่ยังคงให้บริการบินเข้าออกจีนในช่วงนี้มีจำนวนหลายราย เช่น Air China, China Eastern, China Southern และ Xiamen Airlines โดยมีเที่ยวบินลงในแต่ละหัวเมืองใหญ่ของจีนสลับกันไป อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซี๊ยะเหมิน และกวางโจว

นอกจากนี้ ก่อนเดินทาง ก็มีข้อแนะนำให้ผู้โดยสารดูแลตัวเองสูงสุด โดยกักตัวเองที่บ้านให้มาก และออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็นเป็นเวลา 14 วันตามมาตรการป้องกันโควิด เพราะหากติดโควิดในช่วงเวลานี้ ผู้โดยสารต้องเลื่อนเที่ยวบินเดินทาง บางกรณีต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเปลี่ยนตั๋ว และค่าส่วนต่างของตั๋วเครื่องบินเพิ่มขึ้น ซึ่งหากไม่ทันอายุวีซ่า ก็ต้องยื่นเรื่องขอวีซ่าใหม่ พร้อมแนบเอกสารการรักษาโควิด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ประสงค์จะเดินทางเข้าจีนยังต้องผ่านขั้นตอนการตรวจคัดกรองโรคเพื่อขอรหัสสุขภาพ (Health QR Code) สีเขียวเพื่อใช้ในการเดินทาง ซึ่งก็หินราวกับการฝ่าด่าน 18 อรหันต์ก็ไม่ปาน ทั้งนี้ ตามประกาศวันที่ 13 มกราคม 2022 (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 22 มกราคม 2022) ระบุว่า ผู้จะเดินทางเข้าจีนต้องเป็นผู้รับวัคซีนครบโดสอย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทาง และตรวจ RT-PCR (Real-Time PCR) ไม่ใช่แบบ ATK (Antigen Test Kit) ล่วงหน้าก่อนขึ้นเครื่องจำนวน 3 ครั้ง (ค่าใช้จ่ายครั้งละ 2,500-4,000 บาท) ในสถานพยาบาลหรือห้องปฏิบัติการที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยรองรับ 

โดยครั้งแรกเป็นการตรวจภายใน 7 วันก่อนการเดินทาง ครั้งที่ 2 ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และครั้งที่ 3 ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง และต้องห่างจากครั้งที่ 2 อย่างน้อย 24 ชั่วโมง และต่างโรงพยาบาลจากครั้งที่ 2

อนึ่ง ในกรณีของผู้รับวัคซีนเชื้อตาย เช่น Sinovac และ Sinopharm ครบโดสพร้อมเข็มกระตุ้น ให้ตรวจ RT-PCR จำนวน 3 ครั้ง โดยไม่ต้องตรวจเลือด แต่ในกรณีของผู้รับวัคซีนที่ไม่ใช้เชื้อตาย เช่น Pfizer, Moderna, AZ ฯลฯ ขอให้ตรวจผลเลือด IgG และ IgM (N-Protein) เพิ่มเติม ซึ่งอาจค่าใช้จ่ายอีกราว 1,000 บาท

สำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และผู้ที่เคยมีประวัติติดเชื้อโควิด ก็ต้องอยู่ไทยอย่างน้อย 14 วัน และให้ปฏิบัติตนเพิ่มเติมตามที่ระบุในลิงค์ประกาศมาตรการ 

เมื่อได้รับผลการตรวจครบ 3 ครั้ง ผู้จะเดินทางเข้าจีนจะต้องอัพเดตข้อมูลผลการตรวจดังกล่าวเข้าสู่ระบบ เพื่อลงทะเบียนขอรหัสสุขภาพกับสถานทูตจีน โดยกรอกข้อมูล และอัพโหลดเอกสารผลการตรวจในระบบ HDC Code ตามลิงค์ http://hrhk.cs.mfa.gov.cn/H5/ พร้อมใบ Health Monitoring Form ซึ่งเป็นเอกสารบันทึกอุณหภูมิเพื่อสังเกตอาการ 7 วันก่อนเดินทางผ่านลิ้งค์ http://www.chinaembassy.or.th/eng/sgxw/202108/t20210829_8927449.htm

หนึ่งในผู้ให้สัมภาษณ์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภายหลังกรอกข้อมูลดังกล่าว สถานทูตจีนจะให้โค้ดมาให้เปิดรหัสสุขภาพ เราต้องสแตนด์บายหน้าจอเพื่อรีบเปิดภายในเวลา 10 นาที ซึ่งระบบจะขึ้นโค้ดสีเหลือง เพื่อรอการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน หากเอกสารครบผลตรวจทั้ง 3 ครั้งผ่าน จะใช้เวลาอนุมัติภายใน 1-2 ชั่วโมง ซึ่งจะได้โค้ดสีเขียว

แต่หากได้โค้ดสีแดง เจ้าหน้าที่จะส่งอีเมล์มาเตือน และแนะนำให้โหลดเอกสารเพิ่ม ซึ่งขอให้ผู้เดินทางรีบดำเนินการ เพื่อรอการอนุมัติโค้ดสีเขียว 

ผู้จะเดินทางเข้าจีนต้องนำโค้ดสีเขียว เอกสารการตรวจ และใบ Health Monitoring Form ตัวจริงไปสนามบินด้วย เพื่อเป็นเอกสารประกอบการเดินทาง ค่าใช้จ่าย ขั้นตอน และกระบวนการที่เข้มข้นดังกล่าวทำให้หลายคนถอดใจตั้งแต่ยังไม่ผ่านขั้นตอนในประเทศเลยก็มี 

คราวหน้า เราจะไปคุยถึงสภาพและบรรยากาศที่สนามบินในจีน และในโรงแรมกักตัว ...

ข้อมูลจาก :  ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร 

ภาพจาก :   AFP

 

ข่าวแนะนำ