แนะเก็งกำไรทองคำ ยังขึ้นระยะสั้น จับตา 2 ปัจจัยชี้วัดทิศทาง

นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด (YLG) เปิดเผยว่า ทิศทางทองคำระยะสั้นยังปรับขึ้นได้ ตามความไม่แน่นอนของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั้งกรณีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ,ไต้หวัน-จีน แม้ในตะวันออกกลางเลบานอนและกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลจะประกาศข้อตกลงหยุดยิง อย่างไรก็ดี ทองคำโลกยังขาดปัจจัยที่ชัดเจนในการผลักดันให้ปรับขึ้น ทำให้ราคาปรับขึ้นมาระดับหนึ่งก็มักจะถูกขายออกมา เพราะส่วนหนึ่งตลาดมองว่าเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันที่ 20 ม.ค. 2568 สงครามหรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์น่าจะยุติ เนื่องจากทรัมป์ไม่เอาสงคราม

ส่วนทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกในระยะ 1-2 สัปดาห์นี้จะเป็นขาขึ้นหรือปรับย่อลง ต้องจับตา 2 ปัจจัยชี้วัดทิศทาง คือ 1)นโยบายการสนับสนุนนูเครนของสหรัฐฯ ในช่วงโค้งสุดท้ายการดำรงตำแหน่งของ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ามาทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ 

และ 2) ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สัปดาห์หน้า อย่าง ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนพ.ย. เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนธ.ค.ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายชองปีนี้และทิศทางดอกเบี้ยในปีหน้า โดยขณะนี้ตลาดกังวลดอกเบี้ยจะปรับลดลงน้อยกว่าทีคาด จากเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นจากนโยบายการกระตุ้นศรษฐกิจภายในประเทศของทรัมป์ 

สำหรับคาดการณ์กรอบราคาทองคำในโลกระยะนี้  Gold Spot คาดแนวต้าน 2,670 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวต้านถัดไปที่ 2,688 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนแนวรับคาดที่ 2,638 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 2,621 ดอลลาร์/ออนซ์  ขณะที่ทองคำในประเทศ Gold 96.5% ให้แนวต้านที่ระดับ 43,350 บาท/บาททองคำ และแนวรับที่ 42,800 บาท/บาททองคำ อย่างไร ค่าเงินบาทที่เริ่มเห็นการแข็งค่าขึ้นมาบ้างส่งผลต่อราคาทองในประเทศยังไงบ้าง 

โดย YLG แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้นจากความไม่แน่นอนของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั้งกรณีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ซื้อตามกรอบแนวรับและขึ้นตามแนวต้านก็ขาย อย่างไรก็ดี แนวโน้มระยะยาวของทองคำยังมองว่าไมเสียทรงขาขึ้น