ดอกเบี้ยขาลง ดันสินทรัพย์ไร้ธุรกิจ ทอง-บิทคอยน์ เด่น
KTAM มองโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ที่ไร้ธุรกิจและไม่อิงเศรษฐกิจ อย่างทองคำและบิทคอยน์น่าสนใจ รับจังหวะดอกเบี้ยทั่วโลกเป็นขาลงหนุนสภาพคล่องในตลาดสูงขึ้น
นายณัฏฐะ มหัทธนา, CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า สถานการณ์ปัจจุบันที่ดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มเป็นขาลง หนุนสถาพคล่องในตลาดโลกปรับสูงขึ้น มองว่านอกจากการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกที่สลับกลุ่มเล่น หรือการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนจากกลุ่มธุรกิจหนึ่งไปยังอีกกลุ่มธุรกิจหนึ่ง (Secor Rotation) และเม็ดเงินไหลออกจากตลาดประเทศหนึ่งไปอีกประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตดีแล้ว มองว่าอีกสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในจังหวะนี้ คือ สินทรัพย์ทีไร้ธุรกิจ และไม่อิงเศรษฐกิจ อย่าง ทองคำ และบิทคอยน์ น่าสนใจ
ทั้งนี้ หลายธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดดอกเบี้ย ปล่อยสภาพคล่องสู่ตลาดโลก เข้าธีม “สามัคคีผ่อนคลาย” (Synchronized Easing) ซึ่ง KTAM มองเรื่องนี้วางเป็นภาพใหญ่ไว้เพื่อกำหนดธีมการลงทุน โดย
ทองคำในตลาดโลกขึ้นมาทะลุ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ All-Time Highs “ทองดิจิทัล” Bitcoin ทะยานใกล้ 70,000 ดอลลาร์ ยืนยันมุมมองที่เราคาดการณ์ไว้ ว่าทั้งสองสินทรัพย์ดังกล่าว “แน่จริงเพราะไร้มูลค่าแท้จริง”
ขณะที่ หุ้นหลายตลาดในหลายกลุมธุรกิจ (Secor) ยังคงทยอยหมุนเล่นกันเป็นระลอก หากราคาพุ่งเร็วเกินหรือหมดสตอรี่ก็อาจโดน rotation “เปลี่ยนตัวเล่น” เป็นธรรมดา แต่ถ้าสภาพคล่องยังสูงในบรรยากาศ risk on หรือเปิดรับความเสี่ยง เงินก็ไม่อยากไหลกลับไปตั๋วเงินคลังสหรัฐ (T-bills)
ดังนั้น จึงมองว่า ทองคำ Bitcoin & Cryptocurrencies มีสิทธิ์พุ่งทะยานต่อเนื่อง ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว เนื่องจากสินทรัพย์เหล่านี้มิได้จ่ายดอกเบี้ย ปันผล ค่าเช่า หรือ กระแสเงินสดใดๆ จึงถือว่า “ไร้มูลค่าแท้จริง” ตามหลัก DCF (Discounted Cash Flow) โดยราคาของพวกมัน (ตามทฤษฎี) ปรับตัวขึ้นได้ไม่จำกัด และไม่ได้ผูกพันกับผลประกอบการบริษัทหรือเศรษฐกิจประเทศใดๆ กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำซื้อสะสมต่อเนื่อง “กองทุนติดดาว” ตุลาคม อย่าง KT-BLOCKCHAIN
หลังหุ้นจีนปรับฐาน 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาน่าจะเป็น Healthy Correction ย่อลงแค่ระยะสั้นๆ เพื่อขึ้นต่อกันยาวๆ อย่างมีสุขภาพดี เปิดโอกาสซื้อลงทุนเพิ่ม KT-Ashares และ KT-CHINA หรือถ้าใครมีครบตามสัดส่วนที่วางแผนไว้แล้วก็ถือต่อไป “ไม่ควรขาย” ด้วยประการทั้งปวง
และมอง Lower for Longer เงินเฟ้อและดอกเบี้ยจีนน่าจะต่ำต่อไปอีกนาน ปรากฏการณ์คล้ายสหรัฐในช่วงที่ตลาดหุ้นเริ่มกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างจริงจังภายหลังวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ดังนั้น นักลงทุนยังยินดีซื้อหุ้น ณ ระดับราคา (P/E) สูงกว่าปกติ ในภาวะดอกเบี้ยต่ำยาวนาน
นอกจากนี้ยังมองต้นทุนทางการเงินของบริษัทจีน “ต่ำเกินความจำเป็น” สำหรับธุรกิจที่เติบโตอยู่แล้ว น่าจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิด “หุ้นนางฟ้า” (Magnificent) ผู้ชนะอย่างยิ่งใหญ่ในระยะยาว เหล่านี้เป็นเหตุผลแนะนำหุ้นจีน
ข่าวแนะนำ