รังสียูวี ศัตรูตัวร้ายของผิวที่มองไม่เห็น

แสงแดดเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ บนโลก อย่างไรก็ตามแสงแดดยังแฝงไปด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แม้ว่ารังสียูวีจะมีประโยชน์ในบางแง่มุม แต่หากได้รับมากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังและสุขภาพโดยรวมได้ เรามาหาคำตอบและวิธีดูแลผิวให้ปลอดภัยจากรังสีที่เป็นอันตรายกัน

รังสียูวี ศัตรูตัวร้ายของผิวที่มองไม่เห็น

สรุปข่าว

รังสี UV และประเภทรังสี แสงแดดสามารถเป็นอันตรายต่อผิวได้เพราะแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งประกอบด้วยสองประเภทหลักๆ คือ รังสี UVA และ UVB

1. UVA (ultraviolet A-rays) เป็นคลื่นที่มีความยาวรังสีช่วง 320-400 nm พบในช่วงกลางวันที่มีแดดจ้า UVA สามารถเจาะลึกลงไปในชั้นผิวหนังชั้นลึก (dermis) ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและการสูญเสียความยืดหยุ่น การสะสมของ UVA สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังในระยะยาว ซึ่งหากผิวได้รับรังสีมากเกินไปจะทำให้สุขภาพผิวหนังเสื่อมโทรม เหี่ยวหย่น ผิวคล้ำ หน้าหมองคล้ำ ฝ้า หรือ ฝ้าแดด รวมถึงจุดด่างดำด้วย

2. UVB (ultraviolet B-rays) มีความยาวรังสีช่วง 290-320 nm ถึงแม้ว่าเป็นรังสีที่มีพลังงานสูงกว่า UVA แต่ความยาวคลื่นกลับสั้นกว่า ซึ่งสามารถเข้าถึงผิวหนังชั้นกำพร้าได้เท่านั้น ซึ่งรังสี UVB ช่วยต่อการผลิตวิตามินดี แต่อย่างไรก็ตาม UVB สามารถทำลาย DNA ในเซลล์ผิวหนังโดยตรง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งผิวหนังได้ การได้รับแสงแดดที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการผิวไหม้ (sunburn) และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดต่างๆ

โรคร้ายที่มาพร้อมแสงแดด

1. ภาวะผิวไหม้แดด (Sunburn) ปัญหาผิวหน้าไหม้แดดสาเหตุเกิดจากการที่ผิวหนังต้องเผชิญกับแสงแดดจัดเป็นระยะเวลานานเกิน 15 นาทีโดยไม่ได้รับการปกป้อง หรือตากแดดเป็นเวลายาวนานโดยไม่ทาครีมกันแดด อาการของภาวะผิวไหม้แดด ได้แก่

เกิดการอักเสบที่ผิวหนัง มีอาการผิวแดง แสบร้อน ระคายเคือง รู้สึกผิวแห้งมากๆ หรือพองเป็นตุ่มน้ำได้

อาการอาจจะเกิดขึ้นทันที หรือหลังจากไปตากแดดมา 1- 3 วันก็ได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผิวที่ไหม้แดด

ผิวอาจเริ่มมีอาการคันหรือลอกตามมา ซึ่งเป็นปกติของกระบวนการฟื้นฟูและกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วตามธรรมชาติ

2. โรคมะเร็งผิวหนัง (Skin cancer) โรคมะเร็งผิวหนังเกิดจากการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอภายในเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกตินั้นส่วนใหญ่เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด ควรระวัง หากมีอาการทางผิวหนังเหล่านี้

เกิดแผลตกสะเก็ดจากการโดนแสงแดดติดต่อกันบ่อย ๆ เป็นเวลานาน

ตุ่มนูน ที่มีลักษณะหนาแข็ง โดยผิวหนังบริเวณฐานของตุ่มจะแดง

มีแผลเรื้อรังที่รักษาไม่หาย

มีไฝหรือขี้แมลงวันรูปร่างผิดปกติ มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ขยายขนาดเร็ว หรือมีสีที่แตกต่างจากทั่วไป

 3. โรคฝ้า (melasma) ฝ้าแดดเกิดจากการทำงานของเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ที่มากเกินไป ส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากเมลานินทำหน้าที่กรองรังสียูวี เมื่อผิวได้รับแสงแดดมาก เมลานินจะถูกผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรังสี UVA ที่ช่วงคลื่นยาวทำให้ทะลุสู่ผิวชั้นลึกและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีมากขึ้น แม้ว่าฝ้าแดดจะไม่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงใดๆ หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ผลกระทบต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจนั้นไม่อาจมองข้ามได้

การปกป้องผิวจากรังสี UV แม้แสงแดดจะเป็นพลังงานธรรมชาติที่สำคัญ แต่การได้รับมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาทางผิวหนัง ดังนั้นการปกป้องผิวจากแสงอาทิตย์จึงไม่ควรมองข้าม สามารถทำได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

1. ทาครีมกันแดด ครีมกันแดดเป็นวิธีพื้นฐานในการปกป้องผิว ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมี PA+++ เพื่อปกป้องผิว     จากรังสี UVA และ UVB อย่าลืมทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะหลังว่ายน้ำหรือมีเหงื่อ

2. สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิว การเลือกเสื้อผ้าที่สามารถปกปิดผิวจากแสงแดดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการสัมผัสกับรังสียูวี ควรเลือกเสื้อแขนยาว   กางเกงขายาว หรือเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าทอแน่น และเสื้อผ้าที่มีคุณสมบัติกันรังสียูวี (UV Protection Clothing)

3. ใส่หมวกและแว่นกันแดด หมวกปีกกว้างสามารถช่วยปกป้องใบหน้า คอ และหูจากแสงแดดได้ ส่วนแว่นกันแดดควรเลือกแบบที่สามารถ ป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ 100% เพื่อปกป้องดวงตาและผิวรอบดวงตา

4. หลีกเลี่ยงแสงในช่วงแดดแรง ช่วงเวลา 10.00 - 16.00 น. เป็นช่วงเวลาที่รังสียูวีมีความเข้มข้นสูงที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งใน   ช่วงเวลาดังกล่าว หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งควรเตรียมตัวป้องกันผิวอย่างเหมาะสม

5. อยู่ในที่ร่มหรือใช้ร่มกันแดด การอยู่ในร่มเป็นวิธีการหลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์โดยตรง ควรใช้ร่มที่มีวัสดุหนาและคุณสมบัติป้องกัน UV

แม้ว่าแสงแดดจะมีความสำคัญต่อชีวิตและสุขภาพ แต่การสัมผัสรังสียูวีมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคผิวหนังร้ายแรง การดูแลและปกป้องผิวจากรังสียูวีด้วยวิธีการที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม