"Talkative Introvert" ค้นความลึกลับของคนเก็บตัวที่ช่างพูด
เชื่อว่าในกลุ่มเพื่อนของเรา มันต้องมีสักคนที่พูดไม่หยุด พูดเก่ง แต่กลับบอกว่าตัวเองเป็นคนชอบเก็บตัว หรือ intervert
นี่คือความขัดแย้งที่ดูเหมือนจะเป็นปริศนาของ "คนเก็บตัวที่ช่างพูด" หรือ Talkative Introvert พวกเขามักสร้างความสับสนให้กับเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน ในบางขณะที่พวกเขาเป็นเพื่อนที่ช่างคุยและดูเหมือนจะเป็นคนเปิดเผย แต่จู่ๆ ก็ถอยห่างออกไปเพื่ออยู่คนเดียว พาลให้คิดว่า เขากำลังโกรธหรือไม่สบายใจหรือไม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย
เมื่อ Talkative Interovert เลือกจะออกห่างจากคนอื่น หมายความว่า พวกเขากำลังต้องการเวลาอยู่กับตัวเองเพื่อชาร์จพลัง ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกันกับคนเก็บตัวโดยทั่วไป
ความน่าสับสนของ Talkative Interovert
คนเก็บตัวกลับเป็นคนที่พูดมากที่สุดในกลุ่ม อย่าลืมว่านักแสดงและบุคคลสาธารณะหลายคนก็เป็นคนเก็บตัว หากคนเหล่านี้ต้องการโน้มน้าวผู้คนจำนวนมากในฐานะคนดังหรือนักการเมืองเพื่อความสำเร็จ พวกเขาไม่สามารถยืนนิ่งอยู่เฉยๆ พวกเขาต้องพูด และต้องพูดเยอะด้วย
แล้ว Talkative Introvert สร้างความสับสนให้กับคนรอบตัวอย่างไร
ข้อแรกและอาจเป็นประเด็นสำคัญที่สุด ที่ทำให้เกิดความสับสนระหว่างการเป็นคนเก็บตัวกับความขี้อาย
การบอกว่า ใครเป็น คนเก็บตัว หรือคนเปิดเผย เกี่ยวกับพลังงาน คนเก็บตัวชอบโลกที่เงียบสงบและควบคุมได้ภายในความคิดของตัวเอง แต่จะสูญเสียพลังงานเมื่อต้องจัดการกับโลกภายนอก
ความสุขของคนที่เก็บตัว จะเกิดขึ้นเมื่อได้อยู่คนเดียวหรืออยู่กับกลุ่มเล็กๆ ที่เงียบสงบและมีความคิดคล้ายกัน
พูดง่ายๆ คือ เขาไม่ได้เกรงกลัว ขี้อาย หรือพูดน้อยโดยนิสัย แต่การเก็บตัวนั้นเกี่ยวข้องกับพลังงานทั้งหมด
ในทางกลับกัน ความขี้อายเกี่ยวข้องกับความกลัว เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ พวกเขาอาจให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของผู้อื่นมากเกินไป เป็นอารมณ์ที่เกี่ยวกับคนอื่นทั้งหมด
แต่เนื่องจากทั้งคนขี้อายและคนเก็บตัวมักจะถอยห่างจากสังคม จึงไม่น่าแปลกใจที่ความขี้อายและการเป็นคนเก็บตัวมักถูกสับสนกัน
ข้อสอง ในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในโลกตะวันตก การเป็นคนเปิดเผย หรือ extrovert คือ มาตรฐานการเข้าสังคม
คนที่เปิดเผย ชอบเข้าหาผู้อื่นเป็นเรื่องธรรมชาติ ผลการวิจัยยังชี้ว่าพวกเขามีรายได้มากกว่า มีเพื่อนมากกว่า และเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าคนที่ชอบเก็บตัวด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้น คนเก็บตัวที่งปรับตัวได้ อาจพบว่าตัวเองแสดงออกเหมือนคนเปิดเผยมากขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางสังคมและการทำงาน ซึ่งก็กาจเรียกได้ว่า เป็น คนเก็บตัวช่างพูด ด้วยเหมือนกัน
แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเขาเป็นคนเก็บตัวน้อยลง เพราะพวกเขายังคงต้องการเวลาอยู่คนเดียวเพื่อฟื้นฟูพลังงาน ซึ่งต่างจากคนเปิดเผยที่เข้าสังคมได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อสาม คนเก็บตัวมักมีเรื่องที่มีความหมายมากมายที่จะพูด และอาจพูดออกมาทั้งหมดในคราวเดียว แต่ด้วยธรรมชาติของการเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง พวกเขาจะไม่พูดไปเรื่อยๆ แต่จะค้นหาการมีบทสนทนาที่มีความหมายกว่า ซึ่งจะทำให้การสนทนานั้นไหลลื่น
สรุปข่าว
ปัญหาของการเป็นคนเก็บตัวที่ช่างพูดคือ ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นการเข้าสังคม ซึ่งอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันสามารถทำให้คนแบบนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดได้
คนเก็บตัว ยังชอบใช้เวลาในการสร้างมิตรภาพ และทำความรู้จักผู้อื่น แต่เมื่อคุณแสดงตัวตนออกไป ผู้คนมักจะมองว่านี่เป็นการเชื้อเชิญให้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตรงนี้แหละที่ด้านคนเก็บตัวจะแสดงออกมา และนี่อาจทำให้คนเก็บตัวรู้สึกท่วมท้นเพราะไม่ได้ให้เวลาเพียงพอในการค่อยๆ ปรับตัวเข้าสู่การเป็นเพื่อน
แต่เมื่อพวกเขาเปิดรับใครก็ตามให้มาเป็นเพื่อนแล้วละก็ คนเก็บตัวก็จะกลายร่าง เป็นคนช่างพูด ได้อย่างน่าตกใจ