‘แบคทีเรียกินเนื้อ’ ไม่ใช่โรคใหม่ กลุ่มเสี่ยงคือพวก 'ภูมิคุ้มกันต่ำ’ แนะ 6 วิธีเลี่ยงติดเชื้อ

‘แบคทีเรียกินเนื้อ’ ไม่ใช่โรคใหม่ กลุ่มเสี่ยงคือพวก 'ภูมิคุ้มกันต่ำ’ แนะ 6 วิธีเลี่ยงติดเชื้อ

สรุปข่าว

ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง ‘แบคทีเรียกินเนื้อ’ ระบุว่า แบคทีเรียกินเนื้อ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด และไม่ใช่โรคใหม่ ส่วนใหญ่เกิดกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ กินยากดภูมิต้านทาน หรือ มีโรคที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ


ส่วนที่กำลังระบาดในขณะนี้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ‘สเตรปโตคอคคัส ชนิดเอ’ (Streptococcus group A) เป็นแบคทีเรียที่เกิดโรคได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งคนที่แข็งแรงดีหากติดเชื้อสามารถรักษาได้ แต่ถ้าภูมิต้านทานต่ำ และติดเชื้อที่ผิวหนัง จะทำให้ลุกลามอย่างรวดเร็วได้ อย่างที่เป็นข่าวในประเทศญี่ปุ่น ส่วนในประเทศไทยก็พบได้ แต่มีจำนวนไม่มาก สามารถรักษาได้ และมียาปฏิชีวนะที่รักษาเชื้อได้


ขณะที่นพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง เจ้าของแฟนเพจ "หมอแล็บแพนด้า" ได้โพสต์ข้อความถึงโรคดังกล่าวโดยระบุว่า ในต่างประเทศจะก็มักจะเจอแบคทีเรียชนิดนี้ ตามน้ำทะเล และเข้าสู่ร่างกายคนผ่านการว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือกินอาหารทะเลดิบหรือปรุงไม่สุก โดยเฉพาะพวกหอยต่างๆ อย่างหอยนางรม เพราะพวกนี้มันดูดซับแบคทีเรียไว้กับตัวได้ดี แล้วเป็นตัวที่เรานิยมกินดิบด้วยไง


ส่วนใหญ่โรคนี้จะเป็นที่ขาและเท้า อย่างบ้านเราก็เจอเยอะ เพราะชาวไร่ชาวนาต้องเดินลุยนาข้าว ลุยพงหญ้า ทำให้มีแผลใบไม้ใบหญ้าบาด เปลือกหอยบาด กิ่งไม้ตำ พอเป็นแผลเล็กๆก็เลยไม่ได้สนใจทำความสะอาด 


บางคนก็ไปหาสมุนไพรมาพอกแผลเอง บ้างก็ย่ำโคลนตอนทำนา เชื้อโรคมันก็เลยเข้าไปในแผลได้ ทำให้อักเสบ ผิวหนังจะออกคล้ำๆ ลุกลาม หรือเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ตายก็มี

 

คนที่แข็งแรงสุขภาพดีก็มักจะไม่เป็นอะไรมาก แต่คนที่มีภูมิต้านทานต่ำเนี่ยสิครับ ค่อนข้างเสี่ยง เช่น คนที่เป็นเบาหวาน ไตวาย มะเร็งที่กำลังใช้เคมีบำบัด คนแก่ คนอ้วน คนที่กินยาสเตียรอยด์หรือยาชุด คนที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ ถ้าไม่อยากเป็นโรคนี้ก็มาดูวิธีป้องกันดีกว่า


1. รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ถ้าภูมิคุ้มกันต่ำเดี๋ยวเชื้อจะลุกลาม ติดเชื้อง่าย


2. อย่าย่ำน้ำย่ำโคลน ถ้าต้องทำงานก็ให้ใส่รองเท้าบูท อย่าให้แผลสกปรก ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ และใส่ยา


3. หลังทำไร่ทำนาย่ำน้ำย่ำโคลน ให้รีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที 


4. อย่ากินยาชุด ยาลูกกลอน พวกนี้ชอบใส่สารเตียรอยด์ มันจะไปกดภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ติดเชื้อง่าย และถ้าใครเป็นก็ให้รีบไปหาหมอ เชื้อจะได้ไม่ลุกลามจนพิการหรือเสียชีวิต


5. หลีกเลี่ยงการกินอาหารทะเลแบบปรุงไม่สุก


6. ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ หลังสัมผัสกับอาหารทะเล


ใครที่สงสัยว่าตัวเองกำลังเป็น อย่าลืมรีบไปพบแพทย์ ปล่อยไว้นานจะยิ่งรักษายาก


ก่อนหน้านี้ หน่วยงานสาธารณสุขญี่ปุ่น เตือนเรื่องการพบผู้ติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส หรือ โรคไข้อีดำอีแดง หรือ โรคแบคทีเรียกินเนื้อ ระบาดเพิ่มสูงขึ้น โดยยอดผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียวปีนี้ พุ่งขึ้นประมาณ 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 


ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น รายงานเมื่อเดือนมีนาคม ว่า ญี่ปุ่นตรวจพบผู้ติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่แล้ว  สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ยอดผู้ป่วยโรคไข้อีดำอีแดง ที่พุ่งสูงขึ้นในญี่ปุ่น ทำให้นักฟุตบอลเกาหลีเหนือ ยกเลิกการเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในญี่ปุ่นแบบกะทันหันโดยเดิมทีมีกำหนดจัดการแข่งขันขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม นี้


ญี่ปุ่นตรวจพบผู้ติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสในระดับร้ายแรง (SSTS) แล้ว 474 คน  ซึ่งโรคดังกล่าวมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดที่ ร้อยละ 30โดยโรคดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อการติดเชื้อแพร่กระจายไปทั่วร่างกายและเสี่ยงทำให้อวัยวะล้มเหลว


ข้อมูลจาก: หมอแล็บแพนด้านายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ

ภาพจาก: Getty Images 

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

แท็กบทความ

แบคทีเรียกินเนื้อ
โรคแบคทีเรียกินเนื้อ
โรคกินเนื้อคน
ป้องกันแบคทีเรียกินเนื้อ
ไข้อีดำอีแดง
สเตรปโตคอคคัส ชนิดเอ
น้ำทะเล
ของดิบ