

สรุปข่าว
นักแสดงตลกหญิงชื่อดัง “นก วนิดา แสงสุข” ที่เคยประสบกับมรสุมชีวิตอย่างหนัก หลังเจ้าตัวเคยหลงผิดใช้สารเสพติด จนถูกจับและโดนสั่งปลดจากละครและรายการจนหมด ชนิดที่ว่าไม่เหลืองานในวงการบันเทิงเลย ล่าสุดได้ออกมาย้อนเล่ากับพิธีกรดัง หนูแหม่ม สุริวิภา
โทษตอนนั้นเป็นยังไง?
นก วนิดา : ถือเป็นวิกฤติสำหรับตัวเองสุดๆ แล้ว คิดว่าไม่มีอะไรสุดกว่านั้นแล้ว แต่มันเป็นการที่เราทำร้ายตัวเอง และตอนนั้นเราโดนตัดสิน 14 เดือนแต่รอลงอาญา จริงๆแล้วโทษตอนนั้นไม่ได้เยอะแต่ว่าข่าวมันหนัก ข่าวมันออกมาว่าเราถึงกับค้าและจำหน่ายเลย ซึ่งเราก็ยอมรับว่าแค่เสพตามที่มันเกิดขึ้น
กระทบกับชีวิตยังไงบ้าง ?
นก วนิดา : ชีวิตตอนนั้นมันกระทบทุกอย่าง โทษแต่ตัวเองว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ มันกลายเป็นเลวร้ายที่สุด โชคดีที่มีครอบครัวแม่และลูกเข้าใจห่วงจิตใจของคนในครอบครัว ซึ่งตอนนั้นเราทำงานหนักถึงขนาดต้องใช้ยา และตอนนั้นแม่หนูครึ่งปีต้องผ่าตัดสามครั้งทำให้เราเครียด จนพยายามจะหาเงิน และทำคนเดียวทุกอย่าง ที่มาใช้ยาเพราะว่าเราต้องทำงานหาเงิน จนลืมไปเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดมากๆ และทำร้ายตัวเองด้วย
เข้าใจไหมที่สังคมต่อต้านเรา?
นก วนิดา : ตอนนั้นเราก็ทำงานอยู่ และทำให้ผู้จัดบางท่านเขาเสียหายไปด้วย ซึ่งเขาทำไปแล้วทุนมันลงไปแล้วกับเราแต่เรามาทำให้งานเขาออนไม่ได้ เราเข้าใจ ในตอนนั้นไม่กล้าออกจากบ้านเลยคิดแต่ว่าเราจะดำเนินชีวิตต่อไปยังไง แม่และลูกสิ่งที่เรารับผิดชอบจะต้องทำยังไงต่อไป และต่อไปนี้เราจะเอาเงินที่ไหนมาให้เขา ซึ่งเราก็ทำให้แม่เครียดด้วย เพราะทุกคนไม่คิดว่าเราเป็นแบบนี้ทุกคนช็อกหมด ไม่กล้ามองแม้แต่หน้าลูก
ถึงขั้นคิดสั้นไหม?
นก วนิดา : ไม่มีเลยค่ะ รู้แต่อย่างเดียวว่าวันนี้ล้มขนาดนี้แต่เราต้องลุกให้ได้เพราะเรามีแม่และลูก โดยมีลูกให้กำลังใจแม่ก็บอกให้เราออกไปข้างนอก อย่าพึ่งไปคิดว่าคนข้างนอกจะรู้สึกยังไงกับเรา และพอเราได้ลองออกไปก็เลยรู้ว่ามันก็เป็นอย่างที่ลูกพูดเพราะคนข้างนอกที่เข้ามาหาเราเค้าให้กำลังใจเรา ยิ่งเราเจอคนให้กำลังใจเรา ทุกคนอ้าแขนรับเรามันยิ่งรู้สึกผิดหนักเข้าไปใหญ่เหมือนเราทำร้ายจิตใจเขาด้วยกับคนที่เขารักเรา
ใช้เวลาในการรักษาความรู้สึกนานไหม?
นก วนิดา : เป็นปีสองปีเลยค่ะกว่าจะกลับมาได้เหมือนเดิม ถึงเราจะออกไปพบคนได้แต่ความมั่นใจเราน้อยลง เพราะเรารู้ดีว่าบางคนอาจจะคิดไม่ดีกับเราแต่เค้าอาจจะมาแสดงออกกับเรา ซึ่งเราเข้าใจว่าสังคมมันไม่ยอมรับเราอยู่แล้ว แต่ลูกทำให้เราพยายามผ่านมาได้ ลูกก็พยายามจะหาพลังบวกเอาเรื่องดีๆ มาเล่าให้ฟัง
ซึ่งเขาบอกว่าเขาไม่เคยอายมีแต่เขาภูมิใจที่มีแม่เป็น “นก วนิดา” เธอเป็นยาชูกำลังใจให้กับเรา ต้องขอบคุณลูกที่ให้ชีวิตใหม่กับเรา ถ้าไม่มีเขาเราก็ไม่สามารถกลับมายืนได้แบบทุกวันนี้ และแทนที่ลูกจะมีความสุขในชีวิตวัยรุ่นกลายเป็นว่าเขาต้องมาทำงานแทนเรา เหมือนพรากชีวิตในวัยเรียนของเขาไป ซึ่งตอนนี้ลูกเรียนจบปริญญาโทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข้อมูล/ภาพจาก รายการโต๊ะหนูแหม่ม
ที่มาข้อมูล : -